ศาลจังหวัดปากพนัง พิพากษาคดีจำเลยในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ลงโทษจำคุกจำเลย 35 ปี ปรับ 660,000 บาท
ศาลจังหวัดปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พิพากษาคดีลักลอบขนส่งชาวโรฮิงญาจำนวน 98 คน เมื่อต้นปีที่แล้ว และบางส่วนเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ โดยศาลตัดสินลงโทษ นายสุนนท์ หรือโกมิตร แสงทอง จำเลยที่ 1 เป็นระยะเวลา 35 ปี และปรับเป็นเงิน 660,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2-3 ลงโทษความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
เมื่อวานนี้ ศาลจังหวัดปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช อ่านคำพิพากษาซึ่งอัยการเป็นโจทก์ และชาวโรฮิงญาเป็นโจทก์ร่วมผ่านทนายซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเครือข่ายช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ ฟ้องนายสุนนท์ แสงทอง จำเลยที่ 1 นายสุริยา ยอดรัก เป็นจำเลยที่ 2 และนายวราชัย ชฎาทอง เป็นจำเลยที่ 3 ในข้อหาสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานการค้ามนุษย์ สนับสนุนการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพ เพื่อจะเอาคนลงเป็นทาสหรือให้มีฐานะคล้ายทาส ตามประมวลกฎหมายอาญา นำพาคนต่างด้าวเข้ามา ให้อาศัย หรือซ่อนเร้น ในราชอาณาจักรไทยโดยฝ่าฝืน พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 โดยมีผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี บุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่ถึง 18 ปี และบุคคลตั้งแต่ 18 ปี ขึ้นไป
โดยศาลเห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้องเนื่องจากมีการนำเสนอพยานหลักฐานสำคัญส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินผ่านบัญชี และหลักฐานการใช้โทรศัพท์ ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์จากเหตุการณ์พบศพนิรนามและการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตชาวโรฮิงญา ที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 พิพากษา ให้ลงโทษจำคุกเป็นระยะเวลา 35 ปี และให้ปรับเป็นเงิน 666,000 บาท ในการลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์นั้น
ส่วนจำเลยที่ 2-3 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2-3 กระทำความผิดเฉพาะที่มีการนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ จึงลดโทษจำคุกเหลือ 6 เดือน
คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2558 พ.ต.อ.นพดล เพ็ชรขาวเขียว ผู้กำกับ สถานีตำรวจภูธรหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบขนชาวโรฮิงญามาจากพื้นที่จังหวัดระนองไปยังจังหวัดสงขลา โดยใช้พื้นที่อำเภอหัวไทร เป็นเส้นทางผ่าน จึงได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจสอบ ถนนสาย 408 นครศรีธรรมราช-หัวไทร กระทั่งพบรถยนต์ ต้องสงสัยจำนวน 5 คัน พบว่ามีชาวโรฮิงญานั่งอยู่ท้ายรถกระบะ รวม 98 คน (ผู้ชาย 30 คน ผู้หญิง 26 คน เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี 42 คน) แต่ละคนอยู่ในสภาพอ่อนพลียอย่างหนัก และในจำนวนดังกล่าว พบชาวโรฮิงญาเสียชีวิตเนื่องจากการขาดอากาศหายใจ ส่วนชาวโรฮิงญาที่รอดชีวิตได้เข้าสู่กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์
ยังมีผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวนี้ อีกสองกลุ่ม คือ ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ที่ถูกจับกุมได้พร้อมกับจำเลยทั้งสาม แต่ได้หลบหนีไปหลังได้รับการปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี และอีกกลุ่มคือผู้ต้องหา จำนวน 18 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดหาเรือ และอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการขนชาวโรฮิงญา ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกจับกุมและพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องในฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และคดีอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์
คลังภาพ: ชาวโรฮิงญาในเมืองซิตตะเว รัฐยะไข่ หรืออาระกัน ประเทศเมียนมา

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.