ศาลปกครองสงขลา ให้สำนักนายกฯ ชดใช้เยียวยาพ่อแม่ของวัยรุ่นชายที่ถูกทหารยิงตายที่ จ.ยะลา เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ศาลปกครองสงขลา (ศาลปกครองชั้นต้น) อ่านคำตัดสินคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้สำนักนายกรัฐมนตรีชดใช้เยียวยาค่าเสียหายให้แก่บิดาและมารดาของนายฟุรกอน มามะ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายจำเป็นอย่างอื่นในการปลงศพเป็นเงิน 105,500 บาท และค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมายเป็นเงิน 720,000 บาท รวมเป็นเเงินจำนวน 825,500 บาท
ศาลปกครองสงขลา (ศาลปกครองชั้นต้น) อ่านคำตัดสินคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้สำนักนายกรัฐมนตรีชดใช้เยียวยาค่าเสียหายให้แก่บิดาและมารดาของนายฟุรกอน มามะ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต เป็นค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายจำเป็นอย่างอื่นในการปลงศพเป็นเงิน 105,500 บาท และค่าขาดไร้อุปการะตามกฎหมายเป็นเงิน 720,000 บาท รวมเป็นเเงินจำนวน 825,500 บาท
คดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ที่บ้านปอเยาะ หมู่ที่ 4 ตำบลลำใหม่ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา โดยเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อย ร. 5031 ได้ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร ต.ลำใหม่ ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่เพื่อจับกุมนายอาบีดีน ปาดี บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดยะลา แต่ต่อมากลับพบว่านายฟุรกอน นอนตายกลางทุ่งนาโดยถูกยิงเข้าที่บริเวณกลางหลังค่อนไปทางขวาในท่านอนคว่ำหน้า โดยวันเกิดเหตุ นายฟุรกอนไม่มีอาวุธปืนและมิได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจไม่พบสารประกอบวัตถุระเบิดและสารเสพติดจากเสื้อผ้าของนายฟุรกอน ประกอบกับคำให้การของพยานบุคคลซึ่งอยู่ในเหตุการณ์หลายปากทั้งเจ้าหน้าที่และเพื่อน ๆ ของนายฟุรกอน ที่ให้การกับพนักงานสอบสวนว่านายฟุรกอนและเพื่อนอีก 6 ราย เสพน้ำกระท่อมอยู่ในขนำข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงปืนก็ตกใจต่างวิ่งหนีออกไป
พ่อแม่ของนายฟุรกอนได้เรียกร้องความเป็นธรรม และร้องศาลปกครองโดยมีกองทัพบกเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 2 และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 3 โดยศาลชี้ว่าจากพยานบุคคลประกอบกับพยานเอกสารหลักฐานทางราชการแล้ว รับฟังได้ว่านายฟุรกอนผู้ตายมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย อีกทั้งในสำนวนคดีก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใด ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องระหว่างนายฟุรกอนกับนายอาบีดีนบุคคลตามหมายจับ ข้อมูลของทางราชการก็ไม่ปรากฏว่านายฟุรกอนมีประวัติอาชญากรใด ๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้แต่อย่างใด และไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านายฟุรกอนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าว
ศาลปกครองจังหวัดสงขลาชี้ว่า ความตายของนายฟุรกอนเป็นผลมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง ซึ่งเป็นบิดามารดาซึ่งมีความชอบธรรมที่จะได้รับค่าช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายตามกฎหมาย ตามข้อ 7 (1) ของระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับมาตรา 443 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงสั่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีชดใช้เยียวยารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 825,500 บาท
ทั้งนี้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตรวจไม่พบสารประกอบวัตถุระเบิดและสารเสพติดจากเสื้อผ้าของนายฟุรกอน ประกอบกับคำให้การของพยานบุคคลซึ่งอยู่ในเหตุการณ์หลายปากทั้งเจ้าหน้าที่และเพื่อน ๆ ของนายฟุรกอน ที่ให้การกับพนักงานสอบสวนว่านายฟุรกอนและเพื่อนอีก 6 ราย เสพน้ำกระท่อมอยู่ในขนำข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงปืนก็ตกใจต่างวิ่งหนีออกไป
พ่อแม่ของนายฟุรกอนได้เรียกร้องความเป็นธรรม และร้องศาลปกครองโดยมีกองทัพบกเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 2 และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 3 โดยศาลชี้ว่าจากพยานบุคคลประกอบกับพยานเอกสารหลักฐานทางราชการแล้ว รับฟังได้ว่านายฟุรกอนผู้ตายมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้าย อีกทั้งในสำนวนคดีก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใด ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องระหว่างนายฟุรกอนกับนายอาบีดีนบุคคลตามหมายจับ ข้อมูลของทางราชการก็ไม่ปรากฏว่านายฟุรกอนมีประวัติอาชญากรใด ๆ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้แต่อย่างใด และไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านายฟุรกอนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าว
ศาลปกครองจังหวัดสงขลาชี้ว่า ความตายของนายฟุรกอนเป็นผลมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสอง ซึ่งเป็นบิดามารดาซึ่งมีความชอบธรรมที่จะได้รับค่าช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายตามกฎหมาย ตามข้อ 7 (1) ของระเบียบคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับมาตรา 443 วรรคหนึ่งและวรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงสั่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีชดใช้เยียวยารวมเป็นเงินทั้งสิ้น 825,500 บาท
แสดงความคิดเห็น