บีบีซีไทย - BBC Thai
อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้อง หลานพลทหารวิเชียร ฐานหมิ่นประมาทและผิดพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์เรื่องการตายในค่ายทหารของน้าชาย
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมซึ่งให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ น.ส. นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งเสียชีวิตในค่ายทหาร หลังถูกลงโทษหนัก เมื่อ 5 ปีก่อน ได้รับแจ้งจากอัยการเจ้าของสำนวนว่ามีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส. นิรศราวัลย์ ซึ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการสอบสวนการตายของน้าชาย โดยอัยการสรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาล สองข้อหาคือ ข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ขณะนี้สำนวนอยู่ที่อัยการจังหวัดนราธิวาส พิจารณาและมีคำสั่งต่อไป
ก่อนหน้านี้ น.ส.นริศราวัลย์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับดำเนินคดีทางอาญาต่อครูฝึกทหารใหม่และทหารที่ร่วมกันทำร้ายร่างกาย พลทหาร วิเชียร จนถึงแก่ความตายเมื่อปี 2554 ซึ่งกรณีนี้อยู่ในระหว่างการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ เนื่องจากผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารทั้งหมด คดีจึงอยู่ในเขตอำนาจศาลทหาร ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้เองตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญ ศาลทหาร 2498 มาตรา 49 ให้พนักงานอัยการทหารเท่านั้นมีสิทธิฟ้อง
น.ส. นริศราวัลย์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกร้อยเอกภูริ เพิกโสภณ หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับการลงโทษพลทหารวิเชียรในค่ายกรมหลวงสงขลานครินทร์ จ.นราธิวาส แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 และต่อมาศาลจังหวัดนราธิวาสได้ออกหมายจับตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน เพราะมีพฤติการณ์หลบหนีเนื่องจากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก โดย น.ส. นริศราวัลถ์เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ในเรื่องการสอบสวนคดีนี้ เนื่องจากตนไม่เคยได้รับหมายเรียกจนถูกออกหมายจับ และขอให้อัยการส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติม เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนไปโดยที่ยังไม่ได้รับข้อมูลจากฝ่ายตน เป็นการสรุปสำนวนไปโดยที่ยังไม่ได้ฟังความทุกฝ่ายและไม่เป็นธรรม จึงขอให้พนักงานอัยการขอให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมก่อนมีความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ อย่างไรก็ตาม วานนี้พนักงานอัยการเจ้าของสำนวนได้โทรศัพท์แจ้งว่ามีความเห็นสั่งฟ้องและให้รอฟังความเห็นจากอัยการจังหวัดต่อไป
ด้านมูลนิธิผสานวัฒนธรรมซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่ น.ส. นริศราวัลถ์ให้ความเห็นว่า การที่พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ได้สรุปความเห็นไปก่อนที่จะได้รับข้อมูลต่างๆจากฝ่ายนางสาวนริศราวัลถ์นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่ได้ฟังความทุกฝ่าย โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่จะแสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นผู้บริสุทธิ ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกแจ้งข้อหาแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้สิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าของตนที่ถูกทำร้ายถึงตายเท่านั้น และขอเรียกร้องให้พนักอัยการจังหวัดนราธิวาส สั่งให้มีการสอบคำให้การฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมและรับพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาประกอบในการสั่งคดีนี้ด้วย เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน และเพื่อไม่ให้ผู้ใดใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาชน
พลทหาร วิเชียร เผือกสม น้าชายของ น.ส. นริศราวัลถ์เสียชีวิตในค่ายทหารเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลัน จากกล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง โดยจากสำนวนที่ครอบครัวของ พลทหาร วิเชียร ฟ้องแพ่งต่อกระทรวงกลาโหม เป็นจำเลยที่ 1 กองทัพบกเป็นจำเลย ที่ 2 และสำนักนายกรัฐมนตรี (ต้นสังกัด กอ.รมน.) เป็นจำเลยที่ 3 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในสังกัดของกองทัพบกได้ทำร้ายร่างกาย พลทหาร วิเชียร ระหว่างการฝึกทหารใหม่อย่างทารุณ จนเป็นเหตุให้ผลทหารวิเชียรถึงแก่ความตาย ซึ่งจำเลยประสงค์ไกล่เกลี่ยและศาลแพ่งพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ตามที่ได้ไกล่เกลี่ยประนีประนอมกันเป็นจำนวนเงิน 6.5 ล้านบาท
ภาพ: น.ส. นริศราวัลถ์ ขณะถูกควบคุมตัวที่ สน. มักกกะสัน เมื่อเดือน ก.ค.
แสดงความคิดเห็น