Voice TV 21

บอลแฟนดาราอาการหนักกว่าน็อตกราบรถกู
ร่วมฟังการวิเคราะห์จากอ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ประเด็นวันนี้

- บอลแฟนดาราอาการหนักกว่าน็อตกราบรถกู

- ย้าย ผอ.เพราะสีเสื้อ เหยื่อล่าสุดขบวนการแบ่งแยกภาคแบ่งแยกคน'




Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)

วันนี้ประเทศเดินหน้า แต่ความขัดแย้งและการแบ่งแยกคนยังไม่หยุด ล่าสุดเกิดการชุมนุมขับไล่ผู้อำนวยการหญิงที่ระนองแค่เพราะเธอใส่ชุดสีเลือดหมูติดริบบิ้น แม้จะเป็นเวลานอกราชการ ซ้ำยังสร้างกระแสว่าเธอแต่ง 'ไม่เหมาะสม' เพราะ 'แดง' และมาจากขอนแก่น งแม้ผู้รู้เรื่องนี้อย่าง อ.ธงทอง จันทรางศุ จะเคยพูดแล้วว่าอย่าเอาเรื่องสีเสื้อไว้ทุกข์มาแบ่งแยกคน

การปลุกปั่นไล่ข้าราชการโดยไร้ความผิดแบบนี้สะท้อนว่าการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายยังไม่สิ้นสุดในคนบางกลุ่มจนปัจจุบัน

00000

ประเทศเดินหน้าแต่หญ้าพิษของฝ่ายแบ่งแยกคนยังไม่หยุด ล่าสุดกลุ่มสุดโต่งชุมนุมขับไล่ผู้อำนวยการหญิงแค่เพราะเธอใส่ชุดสีเลือดหมูติดริบบิ้น แม้จะเป็นเวลานอกราชการ ซ้ำยังสร้างกระแสว่าเธอแต่ง 'ไม่เหมาะสม' เพราะ 'แดง' และมาจากขอนแก่น การถูกย้ายโดยไร้ผิดเป็นกระจกสะท้อนว่าคนบางกลุ่มยังคิดแบ่งฝ่ายไม่เลิกจนปัจจุบัน


ถามตรงๆกับจอมขวัญ : ตร.สอบเครียด ไฮโซบอล - เปิดใจแอดมิน อยากดังเดี๋ยวจัดให้ | 29-11-59 | ThairathTV



ขอบคุณ ไทยรัฐทีวี


ไทยติดอันดับ 3 เหลื่อมล้ำสูงสุด จากรายงานประจำปี 2559 ธ.เครดิตสวิส

Posted: 27 Nov 2016 10:25 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

จากรายงานความมั่งคั่งโลกปี 2559 โดยธนาคารเครดิตสวิสจัดลำดับประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้มากที่สุดโดยวัดจากอัตราความมั่งคั่งที่ถือครองโดยกลุ่มประชากรที่ร่ำรวยที่สุดร้อยละ 1 โดยประเทศที่ติดอันดับ 1 คือรัสเซีย รองลงมาคืออินเดียและไทย ตามอันดับ

28 พ.ย. 2559 รายงานของเครดิตสวิสระบุว่ารัสเซียมีผู้มั่งคั่งส่วนบนสุดร้อยละ 1 ของประเทศถือครองทรัพย์สินมากถึงร้อยละ 74.5 รองลงมาคือประเทศอินเดีย คนร่ำรวยส่วนบนสุดร้อยละ 1 ถือครองทรัพย์สินของประเทศร้อยละ 58.4 ตามมาด้วยไทยที่คนร่ำรวยร้อยละ 1 ของประเทศถือครองทรัพย์สินร้อยละ 58

เครดิตสวิสระบุว่าโลกฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2551 แล้ว แต่แม้จะพ้นจากปัญหาเดิมแต่ก็ยังมีปัญหาใหม่ๆ รออยู่ จากที่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลงและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นก็อาจจะทำให้อนาคตของอสังหาริมทรัพย์ไม่ขยายตัว

ในแง่การสำรวจอัตราความมั่งคั่งครัวเรือนช่วงปี 2558-2559 พบว่ามีอยู่สองภูมิภาคที่สูงขึ้นคือภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่นับรวมจีนมีอัตราความมั่งคั่งครัวเรือนสูงขึ้นร้อยละ 8.3 กับภูมิภาคอเมริกาเหนือสูงขึ้นร้อยละ 2 ขณะที่ภูมิภาคอื่นๆ ลดลงรวมถึงจีนที่ลดลงร้อยละ 2.8 โดยเฉลี่ยแล้วทั่วโลกมีอัตราความมั่งคั่งครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 1.4

เครดิตสวิสระบุว่าโลกเริ่มมีความเท่าเทียมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงราวปี 2543 จนกระทั่งถึงปี 2551 อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าความร่ำรวยมีแนวโน้มจะกระจุกตัวทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมมากขึ้นเรื่อยๆ และโดยรวมแล้วปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาหลักๆ ในแทบทุกพื้นที่ของโลก

เครดิตสวิสระบุอีกว่าประเทศที่มีความมั่งคั่งโดยรวมเพิ่มขึ้นสูงสุดคือญี่ปุ่นอยู่ที่ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนจีนมีความมั่งคั่งโดยรวมลดลง 680,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อังกฤษเกิดภาวะค่าเงินปอนด์ลดลงหลังจากการโหวตลงประชามติออกจากสหภาพยุโรปทำให้สูญเสียความมั่งคั่ง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในแง่ความมั่งคั่งครัวเรือนอังกฤษก็ลดลงมากที่สุดเช่นกัน นอกจากนี้คนที่ถูกนับเป็นเศรษฐีในอังกฤษยังมีจำนวนลดลงถึง 406,000 ราย ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์ 58,000 ราย และจีน 43,000 ราย

นอกจากนี้ในตารางเกี่ยวกับจำนวนผู้มีรายได้ต่ำระดับล่างสุดยังเปิดเผยให้เห็นว่าประเทศไทยยังมีกลุ่มประชากรผู้ใหญ่ที่มีรายได้ต่ำอยู่จำนวนมากในระดับใกล้เคียงกับอียิปต์ และปากีสถาน โดยที่รายงานของเครดิตสวิสระบุเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมาว่าคนร่ำรวยระดับสูงสุดร้อยละ 1 ในปัจจุบันมีมูลค่าความมั่งคั่งในครัวเรือนรวมกันครึ่งหนึ่งของโลก ทั้งนี้คนรวยที่สุดในอัตราส่วนร้อยละ 10 ของโลกมีความมั่งคั่งรวมกันถึงร้อยละ 89 ของความมั่งคั่งทั้งหมด

สำหรับกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ เครดิตสวิสระบุว่าสิงคโปร์ชะลอตัวลงในแง่ความมั่งคั่งนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมาแต่ก็ยังคงความมั่งคั่งโดยรวมไว้ได้ดีอยู่ ขณะที่อินโดนีเซียมีอัตราการเติบโตด้านความมั่งคั่งมากขึ้นอย่างราบรื่นมาตั้งแต่ปี 2551 แม้ค่าเงินของประเทศจะลดลงอย่างมาก

ประเทศอื่นๆ ที่มีการเติบโตดีได้แก่ ชิลี ที่เครดิตสวิสระบุว่ามีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในละตินอเมริกาเทียบกับอาร์เจนตินาและบราซิล โดยวัดจากจีดีพีเติบโตเร็ว อัตราเงินเฟ้อต่ำ และตลาดหุ้นเป็นไปด้วยดี อีกทั้งความมั่งคั่งครัวเรือนก็ดีกว่าอาร์เจนตินาและบราซิล อีกประเทศหนึ่งที่มีแนวโน้มในทางดีถูกระบุว่าเป็น "เสือเอเชีย" คือไต้หวัน เป็นประเทศไม่ได้รับผลกระทบเลยในช่วงวิกฤตการเงินถึงแม้ว่าจะเกิดค่าเงินลดลงหลายปีหลังปี 2553 อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2543-2559 อัตราความมั่งคั่งต่อประชากรวัยผู้ใหญ่เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 59 เมื่อวัดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 95 เมื่อวัดอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราแบบคงตัว

เรียบเรียงจาก

All the world's most unequal countries revealed in one chart, The Independent, 23-11-2016
http://www.independent.co.uk/news/world/politics/credit-suisse-global-wealth-world-most-unequal-countries-revealed-a7434431.html


กสทช. บังคับสแกนลายมือผู้เปิดใช้งานซิมการ์ดมือถือใหม่เริ่ม ก.พ. 2560

Posted: 27 Nov 2016 11:33 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

กสทช. เผยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมประกาศให้ประชาชนที่ต้องการเปิดใช้งานซิมการ์ดใหม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2560 เป็นต้นไป ชี้เป็นการยืนยันตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนมากกว่าการถ่ายสำเนาหรือรูปบัตรประชาชน

มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมาว่านายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดในการยกระดับมาตรการยืนยันตัวบุคคลผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยการสแกนลายนิ้วมือว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมประกาศให้ประชาชนที่ต้องการเปิดใช้งานซิมการ์ดใหม่ต้องสแกนลายนิ้วมือ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป เนื่องจาก กสทช. เห็นว่าการลงทะเบียนด้วยระบบลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนมากกว่าการถ่ายสำเนาหรือรูปบัตรประชาชน รวมถึงเพื่อรองรับการใช้งานด้านการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ(โมบายเพย์เม้นต์) ที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยการลงทะเบียนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ทาง กสทช. จะบังคับให้ดำเนินการเฉพาะการเปิดซิมการ์ดใหม่เท่านั้น ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งาน โมบายเพย์เม้นต์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 14 ล้านเลขหมาย จาก 110 ล้านเลขหมาย ในตลาด ทาง กสทช. จะไม่บังคับ แต่กลุ่มดังกล่าว คือกลุ่มเป้าหมายที่ กสทช. ต้องการโน้มน้าวให้มาลงทะเบียนเพิ่มเติมด้วยการสแกนลายนิ้วมือมากที่สุด

นายฐากร กล่าวว่า ขั้นตอนการลงทะเบียนลายนิ้วมือ เบื้องต้นจะเปิดให้ดำเนินการผ่านศูนย์บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และร้านค้าต่างๆที่จำหน่ายซิมการ์ดทุกแห่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทช. ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ประกอบการทุกรายต่างเห็นพ้องในการปฏิบัติตามทั้งหมด คาดว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จะเริ่มในเดือนมกราคม 2560 หลังจากที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างในการจัดทำระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ แจ้ง กสทช. มาว่าซอฟต์แวร์จะเสร็จสมบูรณ์ราวเดือนมกราคม 2560 ทั้งนี้ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง

นายฐากร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการที่ กสทช. มีการเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือ ส่งผลให้ทางผู้ประกอบการจะมีรายจ่ายมากขึ้น ทางสำนักงาน กสทช. จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม(กทค.) พิจารณา ลดการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี ในส่วนที่มีการจัดเก็บเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ(กองทุนยูโซ่) จากปัจจุบันที่มีการจัดเก็บอยู่ในอัตรา 3.75% จากรายได้รวมต่อปี

มาเลเซียปล่อยตัวผู้นำเบอเซะ-หลังใช้กฎหมายพิเศษควบคุมตัว 10 วัน

Posted: 28 Nov 2016 08:07 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

ประธานพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรมหรือ "เบอเซะ" มาเรีย ชิน อับดุลลาห์ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หลังถูกจับกุม-สอบสวนในข้อหาบ่อนทำลายประชาธิปไตย และถูกควบคุมตัวด้วยกฎหมายซึ่งใช้ต่อต้านการก่อการร้าย SOSMA ล่าสุดตำรวจยอมปล่อยตัววันนี้ โดยประธานเบอเซะ ระบุรัฐบาลมาเลเซียใช้อำนาจมิชอบในการควบคุมตัว ย้ำตัวเธอและผู้ชุมนุมไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และจะฟ้องศาลกลับ

มาเรีย ชิน อับดุลลาห์ ให้สัมภาษณ์หลังได้รับอิสรภาพ โดยขอบคุณผู้สนับสนุนและภาคประชาสังคม รวมทั้งครอบครัวที่เรียกร้องให้เธอได้รับอิสรภาพ นอกจากนี้ยังยืนยันว่ารัฐบาลใช้อำนาจมิชอบในการควบคุมตัวและจะฟ้องรัฐบาลกลับ (ที่มา: KINITV)


มาเรีย ชิน อับดุลลาห์ เดินทางไปจัตุรัสเมอเดก้า เพื่อพบปะผู้สนับสนุนหลังได้รับอิสรภาพ

ประธานพันธมิตรเพื่อการเลือกตั้งเสรีและยุติธรรม หรือ "เบอเซะ" มาเรีย ชิน อับดุลลาห์ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว หลังจากถูกควบคุมตัว 10 วัน ภายใต้กฎหมายมาตรการพิเศษ หรือ SOSMA ซึ่งมาเลเซียบังคับใช้เมื่อ ค.ศ. 2012 แทนกฎหมายความมั่นคงภายใน (ISA)

ทั้งนี้อดีตประธานเบอเซะ อัมพิกา ศรีเนวาซาน ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจด้วยเพื่อรับตัว โดยหลังจากที่มาเรีย ชิน ได้รับอิสรภาพได้เดินทางกลับไปพบกับครอบครัวที่ย่านปัตตาลิง จายา รัฐสลังงอร์ทันที

ทั้งนี้สำนักข่าวเบอนามาของทางการมาเลเซีย ระบุว่า หัวหน้าแผนกสอบสวนคดีพิเศษกัวลาลัมเปอร์ รุสดี โมฮัมหมัด อิซา กล่าวว่า มาเรียได้รับการปล่อยตัวเมื่อเวลา 16.30 น. แต่ไม่มีการให้รายละเอียด

ขณะที่ในช่วงเย็น มาเรีย ชิน เดินทางไปที่จัตุรัสเมอเดกา ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีผู้สนับสนุนจัดชุมนุมจุดเทียนให้กำลังใจมาเรีย ชิน ทุกคืนนับตั้งแต่เธอถูกตำรวจจับตัว

ทั้งนี้ อัมพิกา ปราศรัยกับผู้สนับสนุนว่า เมื่อทราบว่ามาเรีย ชิน อับดุลลาห์ ได้รับอิสระ นับเป็นความทรงจำที่ดิฉันไม่อาจลืมได้ในชั่วชีวิต ขอขอบคุณผู้สนับสนุนเบอเซะที่ให้กำลังใจ ประกาศไม่เอากฎหมาย SOSMA และขอให้ประชาชนจงเจริญ

ทั้งนี้มาเรีย ชิน ถูกจับตัวตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 1 วันก่อนชุมนุมเบอเซะที่กัวลาลัมเปอร์ โดยถูกสอบสวนตามความผิดมาตรา 124c ประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาจัดกิจกรรมซึ่งบ่อนทำลายประชาธิปไตยรัฐสภา และควบคุมตัวโดยใช้กฎหมาย SOSMA ซึ่งมาเลเซียออกกฎหมายนี้ใช้แทนกฎหมายความมั่นคงภายใน (ISA) เพื่อให้ปราบการก่อการร้าย ทั้งนี้ตามกฎหมายดังกล่าวสามารถใช้ควบคุมตัวบุคคลได้ถึง 28 วัน โดยไม่ต้องตั้งข้อหา

ทนายความของมาเรีย ระบุว่า อัยการมาเลเซียยังไม่ได้แสดงบันทึกคำให้การ เพื่อตอบเรื่องยื่นหมายเรียกศาล

ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมาเลเซีย (Suhakam) ระบุว่า มาเรียถูกควบคุมตัวเดี่ยว ในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ในห้องเป็นเตียงไม้และไม่มีเสื่อ

มาเรีย ชิน ระบุว่า ในช่วงที่ถูกควบคุมตัวนั้นไม่ทราบว่าอยู่ในสถานที่ใด และเมื่อถูกตำรวจนำตัวออกมาจากสถานที่ดังกล่าวก็ต้องใส่อุปกรณ์เพื่อบังตา และมีตำรวจติดตามตลอดไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน จนกระทั่งมาถึงกองบัญชาการตำรวจในกรุงกัวลาลัมเปอร์

ทั้งนี้ ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มาเรีย ชิน เปิดเผยว่าตำรวจมีการสอบสวนพุ่งเป้าไปที่ผู้ชุมนุมเบอเซะในต่างประเทศ ความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิโอเอสเอฟ ขณะที่มาเรีย ชิน ระบุว่าวิธีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่นั้นผิดกฎหมาย เพราะทั้งตัวเธอและผู้ชุมนุมเบอเซะไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย รัฐบาลไม่มีสิทธิใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายมาบังคับใช้ โดยเธอจะยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป

ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย คาลิด อะบู บาการ์ เคยให้คำมั่นว่าความเป็นอยู่ของมาเรีย ชิน จะได้รับการดูแล และเธอจะได้รับเสื่อ รวมทั้งพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน

ทั้งนี้ในคืนวันที่ 18 พฤศจิกายน ต่อถึงเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจมาเลเซียจับกุมนักกิจกรรมมากกว่า 12 คน นอกจากมาเรีย ชิน แล้ว ยังมีมันดีฟ สิงห์ (Mandeep Singh) เลขาธิการเบอเซะ ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ข้อหาก่อจลาจล โดยมีการค้นสำนักงานและยึดสิ่งของด้วย ขณะเดียวกันนักการเมืองฝ่ายค้านคนอื่นๆ ก็ถูกจับอีกนับสิบราย ขณะที่มีการจับผู้สนับสนุนรัฐบาลไม่กี่ราย และทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา

โดยการกวาดจับกุมนักกิจกรรม และนักการเมือง เกิดขึ้นก่อนวันชุมนุมใหญ่เบอเซะ 5.0 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน เพื่อยืนยันข้อเสนอปฏิรูปการเลือกตั้ง รวมทั้งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัก ลาออกจากเหตุทุจริต ในข้อหายักยอกเงินกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ จากกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซีย "วันมาเลเซียเดเวลอปเมนท์ เบอรฮาด" หรือ 1MDB

สำหรับการชุมนุมของผู้ชุมนุมเบอเซะราว 4 หมื่นคนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนดังกล่าว ยังมีการชุมนุมคู่ขนานโดยฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลซึ่งมีเชื้อสายมลายู และใช้สีแดงเป็นสัญลักษณ์โดยระดมคนได้ราว 4 พันคน และทั้ง 2 ฝ่ายได้สลายตัวไปในช่วงบ่าย โดยไม่มีเหตุปะทะรุนแรง



แปลและเรียบเรียงจาก

Maria Chin released after 10-day detention, Malaysiakini, 28 November 2016


ประธานมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สิน เผยปี 2560 ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์จะขยายตัวได้กว่าร้อยละ 10

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวในการเสวนา "ผ่าขุมทรัพย์ธุรกิจอสังหาริทรัพย์รายกลาง รายย่อม สู่ความสำเร็จ" ว่า การจัดสมาคมขึ้นมาใหม่ เพิ่มเติมจาก 3 สมาคมภาคอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นการสร้างสรรสิ่งใหม่ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์และเป็นนิมิตหมายทีดี ที่ทุกภาคส่วนจะได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะในส่วนของผู้ประกอบการที่นอกเหนือจาก 50 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 70 และจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถดำเนินธุรกิจ และมีข้อมูลที่ครอบคลุมรอบด้านขึ้น

ขณะที่สถานการณ์ปี 2560 คาดว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ จะสามารถเติบโตได้กว่าร้อยละ 10 และเติบโตร้อยละ 15 ในปี 2561 โดยมองว่าผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อยควรปรับตัว พร้อมศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อโอกาสในการทำธุรกิจผ่านการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยศึกษาข้อมูลรายละเอียดจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ


นักค้าเงินคาดพรุ่งนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60-35.75 บาทต่อดอลลาร์ หลังวันนี้ปิดตลาดอ่อนค่าแตะ 35.68-35.70 บาทต่อดอลลาร์

นักค้าเงินจากธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย ระบุว่า เงินบาทวันนี้ (29พ.ย.) ปิดตลาดอ่อนค่าแตะระดับ 35.68-35.70 บาทต่อดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ 35.58-35.60 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากตลาดติดตามการประชุมโอเปก และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐ ที่จะทราบผลในคืนนี้ และยังมีราคาบ้านเดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ระดับ 35.52 บาทต่อดอลลาร์ และอ่อนค่าสุดที่ระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สำหรับวันพรุ่งนี้ (30พ.ย.) เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60-35.75 บาทต่อดอลลาร์


นายมีแกน กรีน หัวหน้านักวิเคราะห์ของแมนูไลฟ์ แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า การลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญในอิตาลีในวันอาทิตย์นี้ จะส่งผลให้เกิดวิกฤตธนาคารอีกครั้งหนึ่งในยุโรป

"ในความเห็นของผม ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ภาคธนาคาร มากกว่าในภาคการเมือง แม้ว่าจะเกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองขึ้นบ้าง" เขากล่าว

ทั้งนี้ ชาวอิตาลีจะออกมาใช้สิทธิลงประชามติว่าจะเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันอาทิตย์นี้ แต่คนส่วนใหญ่มองว่าการลงประชามตินี้ จะเป็นการลงคะแนนวัดกระแสความไว้วางใจของประชาชนต่อนายมัตเตโอ เรนซี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ซึ่งได้ประกาศเดิมพันอนาคตทางการเมืองของเขา โดยยืนยันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง และล้างมือทางการเมือง หากประชาชนส่วนใหญ่ลงประชามติคัดค้านการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ

ผลการสำรวจพบว่า ชาวอิตาลีจะลงประชามติไม่เห็นด้วยกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้นายเรนซีต้องลาออกจากตำแหน่งตามที่เขาเคยสัญญาไว้ และจะทำให้เกิดการพลิกขั้วอำนาจทางการเมืองไปสู่พรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากยูโรโซน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเงิน และทางการเมืองในอิตาลี

นายกรีนกล่าวว่า ถ้าภาคธนาคารของอิตาลีเกิดวิกฤตการณ์ขึ้น ก็จะส่งผลกระทบลุกลามไปทั่วยุโรป และบั่นทอนแนวทางการปฏิรูปภาคธนาคารซึ่งนายเรนซีได้วางไว้ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ วิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของอิตาลีจะเกิดขึ้นอีก ถ้าหากนักลงทุนตัดสินใจยุติการสนับสนุนด้านเงินทุนเพื่อช่วยเหลือธนาคารที่อ่อนแอของอิตาลี

ในช่วงต้นปีนี้ ผู้จัดการสินทรัพย์ บริษัทประกัน และธนาคารหลายแห่ง ได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งกองทุนวงเงิน 5 พันล้านยูโรเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารอิตาลีที่มีผลประกอบการย่ำแย่ เพื่อคลายความกังวลต่อภาวะไร้เสถียรภาพของธนาคารอิตาลี ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาหนี้เสียจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่คาดกันว่า ธนาคารอิตาลี 8 แห่งอาจประสบปัญหา หากชาวอิตาลีส่วนใหญ่ตัดสินใจลงประชามติคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้



นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เป็นห่วงไฟฟ้าภาคใต้ที่มีการใช้เติบโตขึ้นแต่โรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ล่าสุดยังต้องเลื่อนเข้าระบบออกไปจากแผนเดิมอีกเป็นหลังปี 65 ล่าสุดกฟผ. ยังแจ้งว่า สายส่งไฟฟ้าที่จะก่อสร้างไปยังพื้นที่ภาคใต้ (จอมบึง-บางสะพาน-สุราษฎร์ธานี-ภูเก็ต) ระยะทาง 800 กม. ตามแผนจะก่อสร้างปี 62 ต้องเลื่อนออกไปอีก 1 ปี เนื่องจากประสบปัญหาการเวนคืนที่ดินล่าช้า
“ขณะนี้เราคงต้องขยับเวลาให้กับโรงไฟฟ้ากระบี่ออกไปเพื่อที่จะให้กฟผ. กำหนดแนวทางสอบถามความเห็นว่าสรุปแล้วประชาชนในพื้นที่ต้องการหรือไม่ ยอมรับว่าตอนนี้  ตันทุกจุดทั้งเลื่อนสายส่งอีก  ขณะที่พลังงานทดแทนเราก็มุ่งเน้นเต็มที่แต่ต้องยอมรับไฟฟ้าที่ผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในภาคใต้”
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาไม่ได้ระบุว่าจะระงับโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่แต่อย่างใดแต่ต้องการให้ไปสอบถามคนในพื้นที่จึงมอบให้กฟผ.ลงพื้นที่สอบถามประชนชนและทำความเข้าใจเพราะความต้องการไฟฟ้าภาคใต้เติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวขณะที่กระทรวงพลังงานพร้อมสนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างเต็มที่โดยได้มอบให้มหาวิทยาสงขลา ม.เชียงใหม่ ม.ขอนแก่น และม.สุรนารีศึกษาพื้นที่แต่ละภาคในการทำพลังงานทดแทนแต่พลังงานทดแทนเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ ขณะที่ความเป็นห่วงเรื่องมลพิษยืนยันว่าไทยก็ใช้มาตรฐานโรงไฟฟ้าเช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่มีมาตรฐานสูง


ใบตองแห้ง

วันพุธ บ่ายสาม คนทั้งประเทศมีความสุขกับการดูลุงตู่นำข้าราชการออกกำลังกาย (ในเวลาราชการ) ซึ่งกลายเป็นภาพน่ารักบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ

อ้าว อย่าเอ็ดไปนะครับ แม้แต่ฝ่ายคัดค้านยังหัวเราะคิกคัก เอาภาพลุงตู่โยนจานรับจาน ไปแซวสนุกสนานในโลกออนไลน์ เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ทำให้เบาสมองเป็นพักๆ ขนาดนักประชาธิปไตยไม้เบื่อไม้เมายังบอกว่า ถ้าไม่ใช่หัวหน้า คสช. เป็นมนุษย์ลุงข้างบ้านละก็ รักตายเลย

บุคลิกลุงตู่ใครว่าตกยุค ที่ไหนได้ กลายเป็นขุนไกรผสมโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ความนิยมนอกกฎเกณฑ์ เหนือเสียงวิจารณ์ ท่ามกลางการเมืองแตกแยก เกลียดชัง คนข้างหนึ่งเชียร์ไม่ลืมหูลืมตา คนอีกข้างไม่พอใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คนตรงกลางๆ แม้อึดอัดบ้างก็จำยอม ไม่มีทางเลือก ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง แต่ก็ไม่ชัง ดูไปดูมาก็ยังครึ้มๆ ดี

ประเทศนี้ก็เลยอยู่กันแบบนี้ เสียงเชียร์ดังกว่าเสียงวิจารณ์ ซึ่งถูกปิดกั้นทุกวิถีทาง คนตรงกลางๆ ก็เอาที่สบายใจ ทำมาหากินไป ตัวใครตัวมัน อย่าให้เราเดือดร้อนแล้วกัน

ฉะนั้น พอลุงตู่แปลงร่างเป็นซานต้าแจกตังค์ 1,500-3,000 พวกที่เคยวิจารณ์ประชานิยม เอาผลประโยชน์ฟาดหัวประชาชน ทำให้ไม่รู้จักพึ่งตนเอง ฯลฯ ก็หันมาแซ่ซ้องเป็นมาตรการชาญฉลาด ช่วยเหลือคนทุกข์คนยาก แล้วยังกระตุ้นเศรษฐกิจ ชาวบ้านรับปุ๊บ เข้าร้านสะดวกซื้อปั๊บ รับแสตมป์อีกต่างหาก ใครขืนวิพากษ์ ก็เท่ากับไม่เห็นใจคนจนสิครับ

แต่อ้าว ทีรัฐบาลขึ้นค่าแรง 5 บาท 10 บาท พอวิพากษ์ว่าไม่เห็นใจคนจน นักเศรษฐศาสตร์ก็งัดงานวิจัย ว่าเป็นความผิด “อีปู” ต่างหาก ขึ้นพรวดเดียว 300 บาท ธุรกิจพังพินาศ ทำให้ไม่ได้ขึ้นมา 4 ปี ขึ้นทีละ 5 บาท 10 บาทก็พอแล้ว ยังดีกว่าไม่มีงานทำ

แบบเดียวกับข้าวราคาตกต่ำ เพราะจำนำข้าวค้างสต๊อก นี่ถ้าไม่ใช่ลุงตู่จำนำยุ้งฉาง รวมพลังสามัคคี ภาครัฐ ภาคเอกชน คนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี คนดีๆ ช่วยซื้อข้าวชาวนา ราคาก็คงไม่กระเตื้องตันละเป็นพัน แถมยังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปิดช่องทางชาวนาขายข้าวเองไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง

ถ้าเป็นรัฐบาลเลือกตั้งเรอะ ทำไม่ได้หรอก บอกให้ ช่วยซื้อ อาจมีบางคนเมิน อยากประชานิยมก็เชิญแก้ปัญหาเอง

ทางการเมืองก็เหมือนกัน ดราม่า เบส อรพิมพ์ โดนสังคมรุมกระหน่ำก็ช่างสิ แต่พอติติงไปถึง คสช. ถึง กอ.รมน. ก็กลายเป็นเบสโดนตัดต่อ ทำลายคนรักสถาบัน คลิปครูฝึกเฆี่ยน ถีบหัวทหาร ก็มีคนรักกองทัพเต็มบ้านเต็มเมือง เถียงแทนว่านั่นหน่วยพิเศษ ไม่อยากโดนทารุณไม่เป็นผู้เป็นคนก็อย่าสมัครมา มีคนตายค่อยว่ากัน

ลุงตู่ทำอะไรดีไปหมด ใช้ ม.44 ย้ายข้าราชการที่ตั้งเอง ใช้ ม.44 แก้กฎหมายยามที่ร่างเอง ย้ายรถตู้อนุสาวรีย์ชัย ให้ผู้โดยสารไปขึ้นไกลๆ หรือสั่งจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เอ๊ะ อยู่มา 2 ปีกว่าเพิ่งรู้เรอะ น้ำหนักเกิน

แต่เอาน่า ถึงจะมีปัญหาอยู่มาก คนไทยก็มองโลกบนความเป็นจริง ให้ความเป็นธรรม จะเรียกร้องอะไรนักหนา รัฐบาลเลือกตั้งก็ทำไม่ได้ดีกว่านี้หรอก เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ทำได้แค่นี้ก็ดีเหลือหลาย ขอแค่จับธัมมชโยก็พอใจ

เพียงเสียดายอย่างเดียว ความสุขอย่างนี้เป็นความสุขเฉพาะกาล อยู่อีกไม่นาน รัฐธรรมนูญก็จะประกาศใช้ ต้องไปสู่เลือกตั้ง อย่างที่วิษณุ เครืองาม ประกาศว่าปี 60 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ใช่เลยครับ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ หลายด้านพร้อมกัน แม้เลือกตั้งไม่มีผลเปลี่ยนขั้วอำนาจ ภายใต้ระบอบ 250 ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ ล็อกสเป๊กไว้เสร็จสรรพ อำนาจเลือกตั้งไม่มีทางหือ การเมืองมวลชนหรือ ก็ขยับไม่ได้มาก แต่ที่น่าห่วงคือ ระบอบตามรัฐธรรมนูญต่างหาก เริ่มเคลื่อนเมื่อไหร่ก็เริ่มคลื่น แค่วันนี้ ยังไม่เท่าไร ก็กัดกันเรื่อง Set Zero ไม่เห็นหรือ

ร่างรัฐธรรมนูญ 2559 วางกับดักตัวเองไว้ ริบอำนาจจากเลือกตั้งไปให้เครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยมที่ใหญ่โต แต่ไม่เป็นเอกภาพ เป็นแค่ชั่วครั้งคราว รัฐราชการ ทหาร ศาล องค์กรอิสระ ณ วันนี้เป็นเอกภาพด้วย ม.44 ด้วยบารมีและคะแนนนิยมลุงตู่ แต่เมื่อไหร่กลไกรัฐธรรมนูญเดินเครื่องเต็มที่ มีรัฐบาลใหม่ ไม่มี ม.44 ไม่มีบทเฉพาะกาล เมื่อนั้น ก็ระวังเครื่องจักรทำลายตัวเอง

คิดผิดคิดใหม่ได้ ไม่ต้องแย้มเลือกตั้งเร็ว อยู่ให้ความสุขชั่วคราวๆๆๆ ไปพลางๆๆ

source :- FB Atukkit Sawangsuk & https://www.khaosod.co.th/politics/news_116141

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า เกิดเหตุคนร้ายบุกกราดยิงภายในมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตท ในรัฐโอไฮโอ ของสหรัฐฯ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (28 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 8 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ มหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตทได้ทวีตข้อความแจ้งเตือนนักศึกษาว่ามีมือปืนกำลังก่อเหตุอยู่ภายในมหาวิทยาลัย และให้นักศึกษาหนีไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย ด้านหน่วยดับเพลิงเมืองโคลัมบัส ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐโอไฮโอ ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว 8 คน โดยในจำนวนนี้ 2 คน มีอาการทรงตัว ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุกราดยิงยังคงดำเนินอยู่ หรือยุติลงแล้ว







เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V4. เผยคลิปเหตุการณ์ในร้านมาลินสกาย แก๊งดาราอยู่ครบ ก่อนเกิดเหตุตื้บลูกนายพล

หลังจากกรณีเหตุการ์ดสถานบันเทิงชื่อดังของเมืองเชียงใหม่รุมทำร้าย นายอิศราชนุวัฒภ์ หรือ เจมส์บอนด์ อายุ 23 ปี โดยมีชื่อดารานักแสดงกลุ่มหนึ่งเข้าไปพัวพันด้วยนั้น

ล่าสุด (28 พ.ย.) เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V4. ได้เปิดเผยคลิปวีดีโอจากเฟซบุ๊กของผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งถ่ายให้เห็นคลิปเหตุการณ์ในร้านมาลินสกาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เวลา 23.21 น. โดยในคลิปเผยให้เห็นว่า มีกลุ่มดารา หมาก ปริญ, แต้ว ณฐพร และ มิว นิษฐา นั่งอยู่ภายในร้าน

ซึ่งทางเพจได้โพสต์ข้อความว่า "เป็นแค่มุมที่แสดงว่าช่วงเวลา 23.21น. ทีมดารายังอยู่กันครบ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์อื่นๆ เกิดขึ้น อย่าอ้างเลยว่าเป็นร้านฟังเพลงสบายๆ มันก็คือผับนั่นละ แล้วที่สำคัญกล้องไม่ได้เสียนะ !!!!! #ดูปากแอดมินกล้องไม่เสียคะ #เดี๋ยวจะบอกใครสั่งให้กล้องเสีย #กูอยู่เป็นนะตอนนี้ขอกำลังคุ้มกันจากใครได้ !!!! cr.น้องนัท ^^"


ขอขอบคุณ


คิวบาประกาศไว้อาลัยในประเทศ 9 วัน หลัง 'ฟิเดล คาสโตร' เสียชีวิต

Posted: 26 Nov 2016 06:53 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

หลังจาก ฟิเดล คาสโตร นักปฏิวัติผู้ต่อกรกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ มาโดยตลอดเสียชีวิตลงด้วยอายุ 90 ปี ทางการคิวบาก็ประกาศให้มีการไว้อาลัยในประเทศ 9 วัน และจะมีการฝังอัฐิไว้กับวีรบุรุษอีกคนหนึ่งของคิวบา ท่ามกลางความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับนักการเมืองคิวบาผู้นี้ เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้บอกว่าคาสโตรเป็น "จอมเผด็จการที่โหดเหี้ยม" และ "ผู้ปฏิเสธสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน"

สื่อ Telesur ซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลละตินอเมริกาหลายประเทศรวมถึงคิวบาและเวเนซุเอลารายงานว่ารัฐบาลคิวบาประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 พ.ย.) ว่าจะมีการฝังอัฐิของฟิเดล ดาสโตร อดีตผู้นำคนสำคัญของคิวบา ผู้เสียชีวิตด้วยอายุ 90 ปี ข้างโฮเซ มาร์ติ นักเขียนวรรณกรรมและวีรบุรุษผู้กอบกู้เอกราชคิวบา รวมถึงมีพิธีแสดงการรำลึกในวันที่ 28-29 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ณ อนุสรณ์สถานโฮเซ มาร์ติ

รัฐบาลคิวบายังประกาศอีกว่าการจัดพิธีรำลึกในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมไว้อาลัยระดับประเทศเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งในช่วงไว้อาลัยนี้จะมีการงดหรือเลื่อนกิจกรรมหรืองานสาธารณะอื่นๆ และจะมีการปฏิบัติตามคำสั่งเสียของคาสโตรที่ต้องการให้ฌาปนกิจร่างของเขาจากนั้นจึงนำอัฐิไปฝังไว้ที่สุสานซานตา อิฟิเจเนีย ที่เดียวกับที่ฝังวีรบุรุษ โฮเซ มาร์ติ

สื่อเดอะการ์เดียนระบุว่าฟิเดล คาสโตร เป็นหนึ่งในผู้นำที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกและเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงไปในหลายทาง ส่วนหนึ่งก็ยกย่องว่าคาสโตรเป็นหนึ่งในผู้นำที่ต่อสู้กับอำนาจของสหรัฐฯ เขาเป็นผู้นำคิวบามาตลอด 5 ทศวรรษหลังจากที่ในปี 2502 เขาโค่นล้ม นายพล ฟุลเคนเซียว บาติสตา ผู้นำเผด็จการที่มีสหรัฐฯ หนุนหลังในยุคนั้น เขาเป็นผู้นำคิวบาจนกระทั่งถึงปี 2549 เขาก็ให้น้องชายของเขา ราอูล คาสโตร ซึ่งในตอนนั้นเป็นรองประธานาธิบดีขึ้นมาเป็นผู้นำแทน เนื่องจากเขาปวยหนักจนต้องรับการผ่าตัดและหลังจากนั้นก็พักรักษาตัวมาโดยตลอดจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา

เดอะการ์เดียนระบุต่อไปวาจากอายุและปัญหาสุขภาพทำให้มีคนมองว่าจะมีการประกาศการเสียชีวิตของคาสโตรก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่หลายคนก็มองว่าการสูญเสียหนึ่งในผู้นำหัวหอกของประเทศกำลังพัฒนาถือเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ

แต่ก็มีบางส่วนที่มองว่าคาสโตรเป็น "จอมเผด็จการ" จำกัดเสรีภาพส่วนบุคคล ลงโทษฝ่ายต่อต้านรวมถึงผู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต รวมถึงสร้างลัทธิบูชาตัวบุคคล (cult of personality)

ถึงแม้คาสโตรในฐานะผู้นำคิวบาจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับสหรัฐฯ มานาน แต่ในยุคสมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยมีการพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับคิวบาเมื่อ 2 ปีก่อน โดยที่โอบามาในเยือนและพบปะกับราอูล คาสโตร หลังการเสียชีวิตของคาสโตรผู้พี่ โอบามาก็ส่งสารแสดงความเสียใจร่วมกันกับประชาชนชาวคิวบา และบอกว่า "ประวัติศาสตร์จะจารึกและตัดสินเองว่าผู้นำคนหนึ่งจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไนกับประชาชนและโลกรอบตัวเขา"

ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะไม่พยายามรักษาสัมพันธ์กับคิวบาเอาไว้ ทรัมป์พูดถึงกรณีการเสียชีวิตโดยเรียกคาสโตรว่าเป็น "เผด็จการที่โหดเหี้ยม" ที่กดขี่ผู้คนมาเป็นเวลาเกือบ 6 ทศวรรษ ทรัมป์กล่าวว่า "มรดกของฟิเดล คาสโตร คืออะไรแบบเดียวกับเพชรฆาตลานประหาร, โจร, ความทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจจินตนาการได้, ความยากจน และการปฏิเสธสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน"

"ในขณะที่คิวบายังคงเป็นเกาะเผด็จการเบ็ดเสร็จ ผมมีความหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นการย้ายออกจากความน่าสะพรึงที่ชาวคิวบาอดทนกันมายาวนาน ไปสู่อนาคตที่แสนวิเศษสำหรับประชาชนชาวคิวบาที่ผู้คนสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยอิสรภาพที่พวกเขาสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับ" ทรัมป์กล่าว


เรียบเรียงจาก

Cuba Declares 9 Days of Public Mourning to Honor Fidel Castro, Telesur, 26-11-2016
http://www.telesurtv.net/english/news/Cuba-Declares-9-Days-of-Public-Mourning-to-Honor-Fidel-Castro-20161126-0008.html

Cuba’s revolutionary leader, Fidel Castro, dies aged 90, The Guardian, 26-11-2016
https://www.theguardian.com/world/2016/nov/26/fidel-castro-cuba-revolutionary-icon-dies

เวทีสาธารณะสิทธิเยาวชนถูก Siam Discovery แจ้งยกเลิกกลางดึก

Posted: 26 Nov 2016 10:00 PM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

Siam Discovery ยกเลิกการใช้สถานที่เวทีสาธารณะสิทธิเยาวชน ครั้งที่ 2 : ทะยาน ตอน เดินหน้าประเทศไทย เยาวชนต้องมีส่วนร่วม โดยชี้แจงการยกเลิกการใช้สถานที่ครั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าหวั่นมีการเมืองสอดไส้


27 พ.ย. 2559 เพจ iLaw รายงานว่าเวทีสาธารณะสิทธิเยาวชน ครั้งที่ 2 : ทะยาน ตอน "เดินหน้าประเทศไทย เยาวชนต้องมีส่วนร่วม" ของเครือข่ายเยาวชนนักกิจกรรมประเทศไทย (Thailand Youth Activist Network) ซึ่งมีกำหนดการจัดในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11.00 – 14.30 น. ที่ชั้น 4 Siam Discovery เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ถูกขัดขวางในยุคของรัฐบาล คสช. ที่การแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองทำได้อย่างจำกัด

ผู้จัดงานแจ้งว่า ทาง Siam Discovery แจ้งยกเลิกการใช้สถานที่ด้วยเหตุผลที่ว่า หวั่นมีการเมืองสอดไส้ จากการติดตามในเพจ Thailand Youth Activist Network ว่าเป็นไปทางการเมือง ซึ่งผู้จัดกิจกรรมยืนยันว่าในเพจดังกล่าวเป็นการรายงานประเด็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการถอดบทเรียนการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอของเยาวชนในเวทีนี้

ซึ่งการแจ้งยกเลิกการใช้สถานที่ครั้งนี้ ทาง Siam Discovery แจ้งมาในเวลา 22.07 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน ก่อนวันจัดกิจกรรมไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่ทางผู้จัดกิจกรรม ได้ส่งกำหนดการและรายชื่อผู้ร่วมเวทีครั้งนี้ไปก่อนหน้าตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน และทาง Siam Discovery ได้ตกลงทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว และล่าสุดวันที่ 25 พฤศจิกายน ทางผู้จัดได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ของ Siam Discovery เพื่อพูดคุยเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มงาน ทาง Siam Discovery ไม่ได้มีข้อกังขาหรือโต้แย้งใดๆ

ทั้งนี้ทางผู้จัดเปลี่ยนสถานที่ทำกิจกรรมใหม่ เป็นที่ โรงแรมวีเทรน อินเตอร์เนชั่นแนลเฮ้าส์ จำกัด ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เวลา 9.30 เป็นต้นไป โดยกิจกรรมที่โรงแรมวีเทรน โดยมีถ่ายทอดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ที่ https://www.facebook.com/773986596086910/videos/778561102296126/ โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอย่างน้อย 5 คนเข้าสังเกตการณ์และบันทึกวีดีโอตลอดงาน

ไอลอว์ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์การปิดกั้นกิจกรรมก่อนหน้านี้หลายครั้ง เจ้าหน้าที่รัฐไม่ออกหน้าเป็นผู้สั่งให้ยกเลิกกิจกรรมเอง แต่ใช้วิธีแจ้งเจ้าของสถานที่ให้ยกเลิกการใช้สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่จะจัดกันที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เป็นต้น และส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ยกเลิกกิจกรรมแบบกระชั้นชิดในเวลา 1-2 วันก่อนงานเริ่ม


ภาคประชาชนขอให้เร่งสร้างกระบวนการยุติธรรม ลดการแก้แค้นชายแดนใต้

Posted: 27 Nov 2016 08:13 AM PST  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2559 ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ลอบยิงทำให้มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตพร้อมเด็กในท้องหนึ่งรายและบาดเจ็บหนึ่งราย ได้แก่นางสาวรัตติกาล จ่าวัง ตั้งครรภ์ 8 เดือนผู้เสียชีวิตพร้อมเด็ก และนางสายใจ ทองดี เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลา 19.20 น. เหตุเกิดบริเวณถนนสาย 42 บ.ปาลัส ต.ควน อ. ปานาเระ จ.ปัตตานี แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะได้รับการส่งตัวไปโรงพยาบาลแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของเด็กในท้องได้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กลุ่มด้วยใจ ขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรีรวมทั้งต่อผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการทางศีลธรรม หลักสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎหมายท้งในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองใดใด อีกทั้งยังเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ หากการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

จากเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี รวมทั้งผู้บริสุทธิ์ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อม ๆ กับการปะทะและจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบในช่วงเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ความรุนแรงที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวสูงขึ้น สร้างให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชังระหว่างกลุ่มประชากรต่างๆ จากการปะทะและติดตามจับกุมบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในความผิดทางอาญาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดในคดีความมั่นคงในพื้นที่ความขัดแย้ง โดยเฉพาะกรณีที่มีการปะทะรวมทั้งการใช้อาวุธในการติดตามจับกุมจนก่อให้เกิดการวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อำเภอรามันเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2559 กรณีนายมะซูปิยัน ยะกูมอ และนายบูคอรี หะมะ ถูกยิงเสียชีวิตในสวนยางขณะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์โดยเจ้าหน้าที่รัฐอ้างว่าเป็นการติดตามจับกุมตามแผนปฏิบัติการโดยได้มีการพูดคุยกับญาติให้มามอบตัวก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่เป็นผลจนกระทั่งเกิดเหตุยิงเสียชีวิต หรือกรณีนายซอบรี บือแน ในพื้นที่ต. กอตอตือร๊ะ อ.รามัน จ. ยะลา เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2559 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สนธิกำลังติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยและมีวิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิต ทั้งสองกรณีนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติการปราบปรามการก่อความไม่สงบที่รุนแรงที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และอาจส่งผลให้เกิดการโต้ตอบล้างแค้นเอาคืนจนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเป้าหมายของวงจรความรุนแรง

ดังนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและกลุ่มด้วยใจขอเสนอให้รัฐบาลต้องเร่งสร้างให้กระบวนการยุติธรรมเข็มแข็ง เป็นที่เชื่อเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2559 เกิดเหตุการณ์ลอบยิงทำให้มีหญิงตั้งครรภ์เสียชีวิตพร้อมเด็กในท้องหนึ่งรายและบาดเจ็บหนึ่งราย ได้แก่นางสาวรัตติกาล จ่าวัง ตั้งครรภ์ 8 เดือนผู้เสียชีวิตพร้อมเด็ก และนางสายใจ ทองดี เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลา 19.20 น. เหตุเกิดบริเวณถนนสาย 42 บ.ปาลัส ต.ควน อ. ปานาเระ จ.ปัตตานี แม้ว่าผู้บาดเจ็บจะได้รับการส่งตัวไปโรงพยาบาลแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของเด็กในท้องได้

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม กลุ่มด้วยใจ ขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรีรวมทั้งต่อผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการทางศีลธรรม หลักสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎหมายท้งในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีความชอบธรรมทางการเมืองใดใด อีกทั้งยังเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ หากการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

จากเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี รวมทั้งผู้บริสุทธิ์ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อม ๆ กับการปะทะและจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบในช่วงเดือนที่ผ่านมาส่งผลให้ความรุนแรงที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวสูงขึ้น สร้างให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชังระหว่างกลุ่มประชากรต่าง ๆ

จากการปะทะและติดตามจับกุมบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในความผิดทางอาญาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดในคดีความมั่นคงในพื้นที่ความขัดแย้ง โดยเฉพาะกรณีที่มีการปะทะรวมทั้งการใช้อาวุธในการติดตามจับกุมจนก่อให้เกิดการวิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อำเภอรามันเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2559 กรณีนายมะซูปิยัน ยะกูมอ และนายบูคอรี หะมะ ถูกยิงเสียชีวิตในสวนยางขณะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์โดยเจ้าหน้าที่รัฐอ้างว่าเป็นการติดตามจับกุมตามแผนปฏิบัติการโดยได้มีการพูดคุยกับญาติให้มามอบตัวก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่เป็นผลจนกระทั่งเกิดเหตุยิงเสียชีวิต หรือกรณีนายซอบรี บือแน ในพื้นที่ ต. กอตอตือร๊ะ อ.รามัน จ. ยะลา เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2559 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สนธิกำลังติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยและมีวิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิต ทั้งสองกรณีนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติการปราบปรามการก่อความไม่สงบที่รุนแรงที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นใน กระบวนการยุติธรรม และอาจส่งผลให้เกิดการโต้ตอบล้างแค้นเอาคืนจนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเป้าหมายของวงจรความรุนแรง

ดังนี้มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และกลุ่มด้วยใจ ขอเสนอให้รัฐบาลต้องเรงสร้างให้กระบวนการยุติธรรมเข็มแข็ง เป็นที่เชื่อถือของประชาชนทุกฝ่าย โดยต้องได้รับการส่งเสริมและมีประสิทธิภาพและต้องสามารถนำผู้กระทำความผิดทุกฝ่ายมาดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการลดการใช้ความรุนแรง รวมทั้งต้องเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ทั้งครอบครัว ทุกกรณีอย่างเสมอหน้ากันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้จะเป็นการลดและป้องกันการแก้แค้นเอาคืนต่อกันและกันอถือของประชาชนทุกฝ่าย โดยต้องได้รับการส่งเสริมและมีประสิทธิภาพและต้องสามารถนำผู้กระทำความผิดทุกฝ่ายมาดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้ได้รับการลงโทษทางกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการลดการใช้ความรุนแรง รวมทั้งต้องเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ทั้งครอบครัว ทุกกรณีอย่างเสมอหน้ากันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งนี้จะเป็นการลดและป้องกันการแก้แค้นเอาคืนต่อกันและกัน


ไม่รู้ว่าเป็นการเคลียร์สต็อกหรือไม่อย่างไร ล่าสุด 3BB ได้ออกโปรโมชั่นลดราคา VDSL Router จากปกติที่เปิดให้ลูกค้ายืมในราคา 1,000 บาท มาเป็นการขายขาดเหลือที่ตัวละ 800 บาท พร้อมรับประกันการใช้งาน 2 ปี สามารถซื้อได้ที่ 3BB Shop ทั่วประเทศ


สำหรับแพ็กเกจเน็ตบ้านในรูปแบบ VDSL ของ 3BB ตอนนี้มี 2 แพ็กเกจครับ คือ
30/5 Mbps ค่าบริการ 590 บาท / เดือน
50/10 Mbps ค่าบริการ 700 บาท / เดือน


ผู้ใช้สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตน่าจะเคยเห็นหรือใช้งาน Airplane Mode หรือภาษาไทยเรียกว่า “โหมดเครื่องบิน” กันดีนะครับ โดยโหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปิดการใช้งานระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งหมด (สัญญาณโทรศัพท์, WiFi, Bluetooth) สำหรับใช้เวลาขึ้นเครื่องบิน (ที่บังคับให้ปิดสัญญาณโทรศัพท์) แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า Airplane Mode นั้น สามารถใช้ประโยชน์กับสถานการณ์อื่นๆ ได้อีกครับ ดังนี้…

1.ช่วยประหยัดแบตเตอร์รี่


การเปิด Airplane Mode จะส่งผลให้ระบบปิดการใช้งานระบบเครือข่ายมือถือ, ระบบ WiFi และ Bluetooth ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าฟีเจอร์พวกนี้อาศัยการใช้งานแบตเตอร์รี่มาก ดังนั้นในเวลาที่เราไม่ได้ใช้การเชื่อมต่อดังกล่าว ก็จะช่วยให้ประหยัดแบตเตอร์รี่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะการอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ (เช่น การไปเที่ยวป่า เที่ยวเกาะกลางทะเล) จะได้ไม่ต้องให้เครื่องทำงานหนักเพื่อค้นหาสัญญาณเครือข่าย โดยไม่ต้องปิดเครื่อง ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ฟีเจอร์อื่นๆ ของสมาร์ทโฟน อย่างเช่น การถ่ายรูป หรือฟังเพลงได้ตามปกติ

2.ช่วยทำให้ชาร์จแบตฯ ได้เร็วขึ้น


การชาร์จแบตที่ไวที่สุดคือการทำให้เครื่องรับกระแสไฟฟ้าเข้าไปอย่างเดียว แต่ถ้าหากชาร์จไปด้วยแล้วกำลังใช้ไปด้วยจะทำให้ใช้เวลาในการชาร์จมากขึ้น ส่งผลให้แบตเตอร์รี่ร้อนและเสื่อมอายุการใช้งานเร็วขึ้นอีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากชาร์จแบตให้เต็มเร็วๆ ควรเปิด Airplane Mode ไว้ครับ …แต่ถ้าเป็นโทรศัพท์ ใครโทรมาตอนนั้นก็จะโทรไม่ติดนะครับ ต้องวางแผนดีๆ

3.ตัดการรบกวนจากโลกภายนอก


สำหรับใครที่ต้องการความสงบ ไม่อยากรับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอก (Social Network) หรือไม่ต้องการให้ใครโทรหา ไม่ต้องถึงกับปิดเครื่อง เพียงแค่เปิดการใช้งาน Airplane Mode ก็น่าจะตอบโจทย์นี้ได้ดีทีเดียวครับ หรือใครที่ต้องการเฉพาะปิดเครือข่ายมือถือไม่ให้คนอื่นโทรหา แต่ยังอยากเล่นเน็ตผ่าน WiFi อยู่ ก็สามารถทำได้ครับ โดยการเปิด Airplane Mode ก่อน แล้วค่อยไปเปิด WiFi ตามทีหลัง


ที่มา – Gizmodo






(27 พ.ย.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นที่ครม.มีมติให้เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยรายละ 1,500-3,000 บาท จำนวน 5.4 ล้านคน เริ่มจ่ายตั้งแต่ 1-30 ธันวาคม 2559 ว่า

“มติ ครม. ที่ให้แจกเงินแก่ผู้มีรายได้น้อยคนละ 1,500-3,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่นอกจากจะไม่มีความคุ้มค่าแล้ว ยังแสดงถึงวิธีบริหารของรัฐบาลที่ใช้การลอกนโยบายหรือนำสิ่งที่เคยกล่าวหาผู้อื่นมาทำ จากนั้นค่อยประดิษฐ์วาทกรรมแก้ตัวแทนการใช้สติปัญญา เช่น ประชานิยมกลายเป็นประชารัฐ หรือการรับจำนำยุ้งฉางแก้ตัวเป็นการชะลอการขาย หรือล่าสุดการแจกเงินบอกเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเป็นสวัสดิการรัฐไม่ใช่ประชานิยม แต่ต้องยอมรับว่าคนพวกนี้มีความสามารถพิเศษที่กล้าสบตาพูดได้โดยไร้ซึ่งความกระดากอาย” นายวัฒนา กล่าว

และว่า “โครงการแจกเงินยังแสดงถึงการสองมาตรฐานของรัฐบาล ป.ป.ช. และ สตง. ที่ใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือจัดการกับอีกฝ่าย ได้แก่ (1) ดำเนินคดีกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าว อ้างว่ารับจำนำสูงกว่าราคาตลาดทำให้ขาดทุนเพราะระบายข้าวได้ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ แต่การแจกเงินให้ผู้มีรายได้น้อยคือการให้เปล่าโดยรัฐไม่ได้อะไรตอบแทนจึงต้องถือว่าขาดทุน 100% หรือขาดทุนมากกว่าโครงการรับจำนำที่รัฐยังมีข้าวในมือไว้รอขาย”

นายวัฒนา กล่าวต่อว่า “หรือ (2) ดำเนินคดีกับ ครม. ยิ่งลักษณ์ที่อนุมัติงบกลางจำนวน 1,921 ล้านบาท เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง อ้างว่าออกหลักเกณฑ์เยียวยาขึ้นมาใหม่และไม่มีกฎหมายใดมารองรับ (ตามโพสต์แนบท้าย) ทั้งที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า “การใช้งบกลาง เป็นเรื่องทางนโยบายที่อยู่ในอำนาจของ ครม.ที่จะพิจารณากำหนดได้ตามความเหมาะสม” (ตามโพสต์แนบท้าย) ซึ่งการแจกเงินผู้มีรายได้น้อยจำนวน 12,750 ล้านบาท ของรัฐบาลนี้ก็ใช้งบกลาง กำหนดหลักเกณฑ์โดย ครม. และไม่มีกฎหมายใดมารองรับเช่นกัน แล้วเหตุใดรัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงถูกดำเนินคดี”

“ผมยืนยันอีกครั้งว่าการช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน แต่ต้องใช้งบประมาณอย่างชาญฉลาดจึงจะเกิดประสิทธิผล แบบที่ท่านผู้นำชอบอ้างว่า “นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด” รวมทั้งต้องการเห็นความปรองดองของคนในชาติซึ่งจะเกิดขึ้นได้หากรัฐบาลและองค์กรอิสระตั้งอยู่บนหลักนิติธรรม ถึงเวลาหรือยังที่จะรีเซ็ตทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ท่านผู้นำต้องเลิกอ้างคำว่ากระบวนการยุติธรรมได้แล้ว ในเมื่อตัวเองและพรรคพวกไม่เคยต้องรับผิดชอบเพราะออกกฎหมายล้างผิดตัวเองทุกเรื่อง หรือจะให้ประชาชนแสวงหาความยุติธรรมกันเอง” นายวัฒนาท ระบุ




Atukkit Sawangsuk

แต่ทีอย่างนี้ ออกหน้าออกตา สนับสนุนให้ไปพูดได้

ที่จริงมันแสดงความไร้ภูมิปัญญา ที่ออกมาหนุนหลังเบส ทั้งที่เกิดเรื่องเกิดราวซะปานนั้น เปล่า ไม่ใช่เรื่องคนอีสาน แต่เรื่องที่กระทั่งสลิ่มนกหวีดจำนวนไม่น้อยก็ไม่เห็นด้วย

ย้อนอ่านชัยสิริ สมุทวณิช อีกทียังได้

"คนจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นฝ่าย “ผู้จงรักภักดี” ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกัน ก็ออกมาร่วม “ปราม” กรณีของน้องเบสนี้ด้วย

เหตุผลรวมๆ กันก็มีว่า เพราะเธอยัง “เด็ก” เกินไป และแทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีประสบการณ์เลยในการทำงานรับใช้พระองค์ท่านหรือเกี่ยวข้องกับโครงการในพระราชดำริต่างๆ แต่เธอก็ออกมาพูดเรื่องดังกล่าวได้เป็นคุ้งเป็นแคว ด้วยข้อมูลที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นข้อมูลชั้นที่สองที่มาจากการค้นคว้า

ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลที่เธอได้มานั้นมีอะไรไม่ถูกต้อง แต่การที่จะไปพูดเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญนี้ได้ (และเป็นการพูดเพื่อได้ค่าตอบแทนแบบมืออาชีพด้วย) นั้น ผู้พูดก็ควรเป็นผู้ที่มีข้อมูลชั้นต้น เช่นเคยเป็นผู้ถวายงานรับใช้ใกล้ชิด หรือเป็นผู้มีส่วนร่วมกับโครงการตามพระราชดำริ...."

รัฐบาลทหารไม่มีปัญญาหาคนที่พูดดีกว่าแล้วรึไง ถึงต้องให้ท้ายเบสเดินสายพูดเป็นคุ้งเป็นแคว

http://manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx…

Atukkit Sawangsuk

นี่มันแฉคนดี 2 เด้งเลยนี่ครับ ทั้งวิจิตร ศรีสอ้าน ทั้งพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส

นักวิชาการสตง.14 ฟ้องผู้ว่าฯสตง.เรียกรับสินบน ปมสอบสร้างศูนย์แพทย์ ม.วลัยลักษณ์
http://www.matichon.co.th/news/375178

แชร์ว่อนไลน์ผู้บริหารสตง. ผู้ว่าฯพิศิษฐ์ สั่งให้ลูกน้องที่ฟ้องคดี หยุดทำงาน
http://www.matichon.co.th/news/375207

"...โจทก์ตรวจพบว่า นายวิจิตรกับพวก ยังเกี่ยวข้องกับการทุจริตในเรื่องอื่น ๆ ด้วยรวมประมาณ 10 ประเด็น ทำให้รัฐเสียหายกว่า 400 ล้านบาท ในเดือน พ.ย.2558 นายวิจิตร กับพวกจึงยื่นฟ้อง นายพิศิษฐ์ ต่อศาลอาญา ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.49/2558 ในความผิดข้อกล่าวหาประพฤติมิชอบ ทำให้นายพิศิษฐ์ขอให้นายวิจิตรถอนฟ้องตัวเอง โดยนายวิจิตร มีข้อแม้ว่านายพิศิษฐ์ จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายวิจิตร..."

"โจทก์จึงเข้าไปตรวจสอบในมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เพิ่ม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 และตรวจพบการทุจริตเพิ่มเติมอีก 2 เรื่อง มีการทุจริตการคำนวณปริมาณดินถมพื้นที่ก่อสร้างศูนย์การแพทย์ทำให้รัฐเสียหาย 55 ล้านบาท"

"นายวิจิตร จึงสั่งให้นายพิศิษฐ์ ออกคำสั่งฉุกเฉินกลางดึกของคืนวันที่ 13 พ.ย. 2559 สั่งการมายัง น.ส.อำไพ ยุกตเวทย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปรึกษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 ให้ น.ส.อำไพออกคำสั่งห้ามตนปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. 2559"

องค์กรอิสระเป็นเช่นนี้เอง ตรวจสอบคนอื่นได้หมด แต่ตรวจคนดีเจอตอ แล้วในองค์กรก็ไม่มีอิสระ ผู้ว่าฯ กรรมการ คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ


Atukkit Sawangsuk

ผู้จัดการเข้าใจขุดเรื่องนี้มารื้อฟื้น ในช่วงคดีลูกนายพลโดนซ้อม (อนุสนธิจากจ่าพิชิตพาดพิง) แม้ที่มาที่ไปต่างกัน คือคดีลูกนายพลนี่ เด็กไม่ผิด เป็นฝ่ายทักท้วงอภิสิทธิ์ดารา ส่วนคดีไวท์เฮ้าส์ ที่มีเรื่องวิวาทกัน อ่านจากคมชัดลึกคือทหารไปลวนลามเด็กเสิร์ฟ จนโดนซ้อมปางตาย

สรุปง่ายๆ คือทหารโดนนักเลงซ้อม เจ้าของร้านเป็นนักการเมืองอิทธิพลท้องถิ่น แต่แทนที่จะดำเนินคดีกัน กลับใช้อิทธิพลคนมีสีมา "เคลียร์" โดยเรียกค่าเสียหาย 2 ล้าน ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายเจ้าของไวท์เฮาส์โดนยิงตายคาบ้านพร้อมเพื่อน 4 คน ที่เป็นพ่อค้า+นักการเมืองท้องถิ่นด้วยกัน เป็นข่าวดัง อนุพงษ์ที่เป็น ผบ.ทบ.ตอนนั้นทำขึงขัง สุดท้ายจับมือใครดมไม่ได้ (ไม่รู้ว่านายร้อยนายพันในข่าวเลื่อนยศไปถึงไหน เผลอๆ กลายเป็นเด็กนายใน คสช.ไปแล้ว)

คือเรื่องมันเริ่มเหมือนทหารไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกทำร้าย แต่หลังจากนั้นก็เป็นการใช้อิทธิพลทหารคุกคามล้วนๆ เช่น ยกพวกมากินฟรี ทุบทำลายทรัพย์สิน กระทั่ง 5 คนถูกยิงตาย (โดย 4 คนก็ไม่ได้ร่วมทำร้ายทหาร เป็นแค่เพื่อนกัน) แล้วคนร้ายลอยนวล

แบบนี้ไม่เรียกว่า "ศักดิ์ศรี" นะครับ ต้องเรียกว่าวิถีโจร ระหว่างนักเลงอิทธิพลท้องถิ่น กับนักเลงอิทธิพลในเครื่องแบบ พวกแรกมันใช้อิทธิพลทำผิดกฎหมาย แต่พวกหลังใช้อำนาจ ใช้ปืน อาละวาดได้ ฆ่าคนได้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวกฎหมายเลย เพราะมีสี มีเพื่อน มีนาย คอยปกป้องให้

ถามจริง ใครเป็นโจรที่มีอันตรายกับประชาชนมากกว่ากัน


เกิดเหตุมือปืนกราดยิงผู้คนกลางงานเทศกาลในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในเมืองนิวออร์ลีนส์ เมื่อช่วงเช้ามืดวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 9 คน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุกราดยิงเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 1:30น. วันอาทิตย์ บริเวณสี่แยกถนนบอร์บอน แลไอเบอร์วิลล์ ทางตะวันตกของย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ระหว่างกำลังมีงานเทศกาลอเมริกันฟุตบอลประจำปี ‘บายู คลาสสิก’ (Bayou Classic) โดยผู้ถูกยิงเป็นหญิง 2 ราย และชายอีก 8 ราย อายุระหว่าง 20-37 ปี ซึ่งผู้บาดเจ็บชายคนหนึ่งเสียชีวิตขณะรับการรักษาในโรงพยาบาล

นายไมเคิล แฮร์ริสัน ผู้กำกับการตำรวจรัฐนิวออร์ลีนส์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า มีชาย 2 คนถูกจับในฐานะผู้ต้องสงสัยพกพาอาวุธปืน โดยหนึ่งในนี้ถูกระบุว่าเห็นเหยื่อในเหตุการณ์นี้และกำลังรักษาตัว ขณะที่ตำรวจยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการกราดยิง และพวกเขากำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด กับพยานผู้เห็นเหตุการณ์


Pipob Udomittipong

ประเด็นสำคัญของเรื่อง #โรฮิงญา คือคนพม่า รัฐบาลพม่า และอองซานซูจี “ไม่เคยยอมรับ” ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งใน 135 ชาติพันธุ์ของประเทศ พูดง่าย ๆ คือไม่ยอมรับว่าโรฮิงญาเป็น “คนพม่า”

ตั้งแต่ปี 2013 สมัยยังเป็นฝ่ายค้าน ดอว์ซูพูดไว้ชัดเจนที่ญี่ปุ่นว่า โรฮิงญา 1.3 ล้านคนไม่มีคุณสมบัติจะได้รับสัญชาติพม่า และเป็นไปตามกฎหมาย (https://www.youtube.com/watch?v=Q3WQE-hVucI) สมัยรณรงค์เลือกตั้งปีที่แล้ว พรรด NLD ไม่ส่งผู้สมัครที่เป็นมุสลิมแม้แต่คนเดียว และระวังการแสดงออกมาก เพราะพรรคฝ่ายตรงข้ามมักโจมตีว่าเห็นใจมุสลิมที่เป็นคิดเป็นประชากรไม่น้อยกว่า 4%

เมื่อเดือนพ.ค.ที่แล้ว ดอว์ซูแจ้งต่อทูตสหรัฐฯ คนใหม่ที่มาประจำพม่าว่า ไม่ให้ใช้คำว่า “โรฮิงญา” ให้เรียกว่า “เบงกาลี” เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็น “คนอื่น” ที่ไม่ใช่พม่า (http://nyti.ms/1UEJSS0) หนึ่งเดือนต่อมา มิ.ย. ดอว์ซูแจ้งต่อผู้รายงานพิเศษ UN special rapporteur ในทำนองเดียวกันว่า ไม่ใช้คำว่า “โรฮิงญา” (https://www.theguardian.com/…/aung-san-suu-kyi-tells-un-tha…)

ถามว่าดอว์ซูเคยประณามการใช้กำลังข่มเหงรังแกชาวโรฮิงญามั้ย? เคยครับ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปีที่แล้ว เธอเคยประณามการข่มเหงชาวโรฮิงญา (https://youtu.be/Zh7cleCVJ0Y) แล้วตอนนี้ล่ะ เลิกไปแล้วครับ ทุกวนนี้ รัฐบาลดอว์ซูบอกว่าไม่มีหลักฐานว่ากองทัพพม่าละเมิดชาวโรฮิงญา และตำหนิสื่อที่ปล่อยข่าวบิดเบือนความจริง (http://www.president-office.gov.mm/en/…) ทั้ง ๆ ที่ทหารพม่าเพิ่งสังหารคนเหล่านี้ไปหลายสิบคน เผาบ้านเรือน ข่มขืนเด็กและผู้หญิง จนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UN ออกมายอมรับว่ามันเป็น ethnic cleansing การชำระล้างเผาพันธุ์ (http://www.bbc.com/news/world-asia-38091816)

ทั้งหมดแสดงให้เห็นจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “วีรสตรีประชาธิปไตย” ของพม่า ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มพุทธชาตินิยมสุดโต่งที่ไม่ยอมรับและไม่ต้องการให้มีมุสลิมหรือโรฮิงญาในพม่า เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? #Rohingya


ประวัติชีวิต ฟิเดล คาสโตร “เอล คอมมานดานเต้” เเห่งคิวบา

การเสียชีวิตของผู้นำคิวบา วัย 90 ปี “ฟิเดล คาสโตร” เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นับเป็นความสูญเสียบุคคลสำคัญครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งบนประวัติศาสตร์การเมืองโลก

“ฟิเดล อาเลคันโดร คาสโตร รุซ” คือชื่อเต็ม ๆ ของ “ฟิเดล คาสโตร” อดีตประธานาธิบดี, อดีตนายกรัฐมนตรี, อดีตผู้นำการปฏิวัติสังคมนิยมของสาธารณรัฐคิวบา และอดีตตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์คิวบา นับแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2504 จนถึงปี 2554 ก่อนส่งไม้ต่อให้ “ราอูล คาสโตร” น้องชายรับหน้าที่ผู้นำประเทศเเทน หลังจากสุขภาพของฟิเดลย่ำแย่ลง นับตั้งแต่การผ่าตัดมะเร็งลำไส้ที่ทำให้ชายคนนี้เกือบเสียชีวิตเมื่อปี 2549

“เอล คอมมานดานเต้” คือ ฉายาของ “ฟิเดล คาสโตร” รัฐบุรุษเเห่งคิวบาคนนี้เกิดเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2469 ในช่วงวัยหนุ่ม “ฟิเดล คาสโตร” เป็นนักปฏิวัติและนักการเมืองที่เข้ายึดอำนาจหลังโค่นล้ม “ฟุลเคนซิโอ บาติสตา” ลงได้สำเร็จ เเละนำแนวคิดทางการเมืองแบบมาร์กซ์-เลนินมาใช้กับคิวบา ภายใต้การปกครองประเทศของ “ฟิเดล คาสโตร” ได้เปลี่ยนระบบการเมืองเป็นรัฐสังคมนิยมพรรคการเมืองเดียว โดยยึดอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเป็นของรัฐและมีการปฏิรูปสังคม โดยมีนโยบายสาธารณสุขถ้วนหน้าและการศึกษาแบบให้เปล่า “ฟิเดล คาสโตร” ช่วยเหลือกลุ่มสังคมนิยมปฏิวัติต่างประเทศหลายกลุ่ม โดยหวังว่าจะโค่นทุนนิยมโลก

การยึดอำนาจในครั้งนั้นจะสำเร็จไม่ได้ หาก “ฟิเดล คาสโตร” ไม่ได้พบนายเเพทย์ที่เป็นคู่หูชาวอาร์เจนตินาที่เม็กซิโก ชายคนนั้นมาร่วมเป็นที่ปรึกษารัฐบาลเเละ ผอ.ธนาคารกลางคิวบาระยะหนึ่ง ก่อนจะออกไปจับปืน เพื่อสานอุดมการณ์ของตัวเองเเล้วจบชีวิตลงไปก่อนวัยอันควร

เเม้เเต่เมืองไทย ภาพชายคนหนึ่งใบหน้าติดหนวด ผมยาวปรกบ่า ใส่หมวกที่มีดาวเเดงเป็นสัญลักษณ์ที่มักพบเจอท้ายรถสิบล้อก็ยังปรากฏตัว โดยที่หลายคนไม่รู้ว่าใคร หากบอกว่า ชายคนนั้น คือ “เออร์เนสโต ราฟาเอล กูวาร่า เด ลา เซอร์น่า” จะยิ่งงงไปใหญ่

เเต่ถ้าบอกว่า “เช กูวาร่า” ทุกคนจะรู้จักทันที เเน่นอนว่า คิวบาจะไม่มีวันนี้ หากฟิเดล คาสโตรไม่ร่วมมือกับเช กูวาร่า ชายคนที่เป็นไอดอลของฝ่ายซ้ายทั่วโลก เจ้าของหนังสือซึ่งนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์เรื่อง “The Motorcycle Diaries” ที่บันทึกการเดินทางบนอานมอเตอร์ไซค์ ที่ทำให้โด่งดังไปทั่วแล้ว บันทึกเล่มนี้เป็นการเดินทางที่มีผลต่อแนวคิดครั้งยิ่งใหญ่ จนเช กูวาร่ากลายเป็นนักปฏิวัติ ผู้ตั้งใจอุทิศชีวิต และเลือดเนื้อเพื่อคนชั้นล่างของสังคมในเวลาต่อมาด้วย


นักวิจารณ์การเมืองกล่าวหาว่า ชายคนนี้ชาวคิวบาคนนี้เป็นเผด็จการที่ปกครองประเทศยาวนาน 49 ปีผ่านพรรคการเมืองที่มีเพียงพรรคเดียว เเละยังเป็นผู้นำคนสำคัญในยุคสงครามเย็นที่กล้าท้าทายความพยายามของสหรัฐอเมริกา โดยพญาอินทรีพยายามโค่นชายคนนี้ลงจากตำแหน่ง โดยการลอบสังหารนับครั้งไม่ถ้วน เเต่ก็ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายกับอดีตผู้นำคิวบาคนนี้ได้ เเม้สหรัฐฯ มองว่า คิวบา คือ หอกข้างเเคร่ที่ต้องตัดความสัมพันธ์ทุกด้าน เเต่ประเทศนิยมแนวคิดฝ่ายซ้ายมองว่า ฟิเดล คาสโตร เป็นตัวแทนของการต่อต้านจักรวรรดินิยม มีความเป็นมนุษยธรรมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและคนยากจนทั่วโลก

เวลาเกือบ 10 ปีที่ฟิเดล คาสโตร ถอยตัวออกมาจากการเมือง โดยวันนี้คิวบาภายใต้การนำของ ราอูล คาสโตร เปลี่ยนไปมากมาย ผลจากนโยบายส่งเสริมการค้าและการลงทุน สร้างสัมพันธ์กับชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สหรัฐอเมริกา” ที่ไม่ใช่ศัตรูอย่างเป็นทางการของคิวบาอีกต่อไป

เเต่ในมุมของ “เอล คอมมานดานเต้” ยังมองพญาอินทรีว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาล เพราะสหรัฐอเมริกาพยายามสังหารชายคนนี้มาหลายครั้งเเต่ก็ไร้ผล

“ถ้าการรอดจากการลอบสังหารถูกบรรจุอยู่ในกีฬาโอลิมปิก ผมคงได้เหรียญทองไปแล้ว” เอล คอมมานดานเต้ เคยระบุในการสัมภาษณ์หลายครั้งในช่วงเวลาที่ผ่านมา

วันนี้ “เอล คอมมานดานเต้” คงได้พบกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ชื่อเช กูวาร่า ณ ที่ใดที่หนึ่งเเล้ว เเละชื่อของฟิเดล คาสโตรจะถูกบันทึกไว้ตลอดกาลในประวัติศาสตร์การเมืองโลก


สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมเปิดประชุมนัดพิเศษ ในวันอังคารนี้ทันที ที่ได้รับหนังสือจาก ครม.ซึ่งจะมีการประชุมในช่วงเช้าวันเดียวกัน จากนั้นปฏิทินการเมือง การเลือกตั้ง จะเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้

ความพร้อมก่อนการประชุมนัดพิเศษ วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน ที่จะถึง นายแพทย์เจตน์ ศิริธรานนท์ โฆษกวิปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ให้ทุกคนแสตนบายพร้อมเข้าประชุมตั้งแต่เช้า และทันทีที่มีหนังสือจากคณะรัฐมนตรี ก็สามารถมาดำเนินการประชุมได้ เบื้องต้นมีกำหนดการประชุม สนช.ในเวลา 11.00 น.

พร้อมกันนี้ คาดว่า สถานการณ์บ้านเมืองหลังจากวันที่ 29 พฤศจิกายนแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมป เมื่อรัฐธรรมนูญได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ ก็จะเริ่มนับหนึ่งในการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้ง 4 ฉบับ จะใช้เวลาไม่เกิน 8 เดือนหรือ 240 วัน หรืออาจแล้วเสร็จเร็วกว่ากำหนด เพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้ง


Sophit Promtoo

<<< หมื่นตู้...ชวนโม้...วันนี้ผมช่างภูมิใจจริงๆที่เกิดมาเป็นลูกอิสาน เพราะมีคนดีคนเก่งทำเพื่อชาติ เพื่อศาสนา เพื่อพระมหากษัตริย์ และประชาชน เช่นวันนี้บัวขาว บัญชาเมฆ ไม่ต้องให้ใครมากล่าวปลุกใจ หรือปลุกเร้าใดๆ แต่ลูกอิสานเช่นเขา บัวขาวคนนี้ มีให้กับสิ่งที่ทุกคนรักด้วยหัวใจของเขาเอง...เขาทำเองโดยไม่ต้องให้คนจากที่หนมาช้วยบอกครับ ทั่วโลกเขายอมรับว่านี้คือลูกอิสาน ของดีประเทศไทย...???

<<< สำหรับความคิดผมแล้วนะครับ หากมีคนเช่นบัวขาวหลายๆคน ไม่ใช้เป็นนักมายดังนะครับ แต่ให้แสดงตัวแสดงตนออกมาว่าเป็นลูกอิสาน และช้วยเหลือคนอิสานด้วยการทำความดีเช่นบัวขาวคือ ช้วยทำนาทำข้าวขายเอง หรือคนดังคนดีของลูกอิสาน จะช้วยกันร่วมมือกัน รับข้าวมาทำเป็นข้าวคนดังลูกอิสาน ผมว่าพ่อค้าต้องคลานสีขาเข้ามาหาอย่างแน่นอน...หมื่นตู้


บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดังขวัญใจแฟนมวยชาวไทย โพสต์ภาพ + คลิปลงแฟนเพจ Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ) เตรียมจำหน่ายข้าวหอมมะลิสุรินทร์แท้100% ภายใตัชื่อแบรนด์ของตัวเอง บัวขาว บัญชาเมฆ ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก

ซึ่งคาดว่าพร้อมจะวางจำหน่ายในช่วงสัปดาห์หน้า รวมถึง บัวขาว ยังมีโครงการจะนำข้าวสาร บางส่วนไปบริจาคให้กับ สถานสงเคราะห์ ในโอกาสต่อไปอีกด้วย

ทั้งนี้ ข้าว ที่จะจำหน่ายเป็นข้าวที่ บัวขาว ปลูกและเก็บเกี่ยวเอง ในที่นาบ้านของบัวขาวเอง

สำหรับ จำนวนไซส์ที่วางจำหน่ายนั้นจะมี 2 ไซส์
- ขนาดครอบครัว ถุงละ 5 กิโลกรัม จำหน่ายราคา 200 บาท
- ขนาดใหญ่ ถุงละ 50 กิโลกรัม จำหน่ายราคา 2,000 บาท

“ดำดอทคอม” บัวขาว บัญชาเมฆ นักชกขวัญใจชาวไทย เตรียมนำข้าวหอมมะลิสุรินทร์แท้100% ซึ่งเป็นข้าวที่เจ้าตัวปลูกและเก็บเกี่ยวเอง ในที่นาบ้านของตัวเอง ออกวางจำหน่ายเองเป็นครั้งแรก ภายใตัแบรนด์ “บัวขาว บัญชาเมฆ”

โดยจะมีสองไซส์ที่วางจำหน่าย ขนาดครอบครัว ถุงละ 5 กิโลกรัม จำหน่ายในราคา 200 บาท และ ขนาดใหญ่ ถุงละ 50 กิโลกรัม จำหน่ายในราคา 2,000 บาท ซึ่งคาดว่าพร้อมจะวางจำหน่ายในช่วงต้นสัปดาห์หน้า


แฟนๆท่านใดสนใจ สามารถไปเลือกซื้อได้ที่ ค่ายมวยบัญชาเมฆ ซอยโพธิ์แก้ว 3 แยก 19 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ

นอกจากนี้ เจ้าตัวก็มีโครงการที่จะนำข้าวสารบางส่วนไปบริจาคให้กับ สถานสงเคราะห์ โดยรายละเอียดการทำบุญทางทีมงานจะนำมาเสนออีกครั้งในโอกาสต่อไป





ขับเคลื่อนโดย Blogger.