ศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส. คาด ราคาข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้งปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายกระตุ้นของภาครัฐ และปริมาณสินค้าในตลาด ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มราคาลดต่ำลงคือน้ำตาลทรายดิบเพราะการเก็งกำไรจากเอกชนและปริมาณน้ำตาลในตลาดสูงขึ้น
2 ม.ค. 2561 สำนักข่าวไทยรายงานว่า สมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดว่าราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวสูงขึ้นต้อนรับปีใหม่ 2561 ซึ่งเป็นผลจากนโยบายของภาครัฐ สินค้าเกษตรที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน สุกร และกุ้ง ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มราคาลดต่ำลงคือน้ำตาลทรายดิบ
ทั้งนี้ ที่ข้าวเปลือกราคาปรับตัวดีขึ้นเพราะยังมีความต้องการของตลาดต่างประเทศและมาตรการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2560/61 ที่ช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดและมาตราการจากกระทรวงพาณิชย์ที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลาดข้าวเหนียวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเหนียวเพื่อสนับสนุนราคาให้สูงขึ้น ข้าวเปลือกที่ราคาปรับดีขึ้นได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า 5% ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.52-4.87 อยู่ที่ราคา 8,440-8,719 บาท/ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.30-3.85 อยู่ที่ราคา 12,470-12,658 บาท/ตัน และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.20-4.32 อยู่ที่ราคา 9,515-9,810 บาท/ตัน
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ความชื้นไม่เกิน 14.5% จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.10-0.30 อยู่ที่ราคา 6.79-6.93 บาท/กก. เนื่องจากเข้าสู่การปลูกข้าวโพดช่วงฤดูแล้ง (เริ่มปลูกเดือนธันวาคม) ประกอบกับมาตรการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของภาครัฐที่ได้เริ่มขยายผลจากจังหวัดเพชรบูรณ์ไปในจังหวัดอื่นที่มีการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจะช่วยยกระดับราคารับซื้อให้เพิ่มขึ้น
ส่วนสถานการณ์ราคายางพารานั้นคาดว่า สถานการณ์ราคายางพาราแผ่นดิบจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.00-6.30 อยู่ที่ราคา 42.32-44.54 บาท/กก. เนื่องจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของภาครัฐ จะช่วยสนับสนุนความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศของผู้ประกอบการและหน่วยงานของรัฐเพิ่มขึ้น รวมทั้ง มาตรการรักษาความสมดุลระหว่างปริมาณและความต้องการใช้ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในราคายางพารา
สำหรับราคามันสำปะหลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.20-4.97 อยู่ที่ราคา 1.85-1.90 บาท/กก. เนื่องจากปริมาณมันสำปะหลังที่ออกสู่ตลาดยังน้อยกว่าความต้องการ ประกอบกับมาตรการนำเข้ามันสำปะหลังจากต่างประเทศของภาครัฐที่เข้มงวด โดยเพิ่มขั้นตอนแสดงหนังสือรับรองสุขอนามัยพืช หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดพืช และหนังสือรับรองมาตรฐานสินค้า รวมทั้งต้องมีการนำเข้าโดยผ่านด่านตรวจโดยเฉพาะ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 จะทำให้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากต่างประเทศเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดไทยยากขึ้น
สำหรับราคาปาล์มน้ำมัน คาดว่า ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.57 – 21.42 อยู่ที่ราคา 2.90 – 3.40 บาท/กก. เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง และภาครัฐเร่งดำเนินการระบายปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบให้กลับสู่ระดับปกติ จะส่งผลให้แนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันมีทิศทางดีขึ้น
ในส่วนราคาสุกร คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.09-5.50 อยู่ที่ราคา 52.30-54.05 บาท/กก. เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่และเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้แนวโน้มความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้น ประกอบกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาราคาสุกรตกต่ำในระยะสั้น โดยให้มีการชำแหละจำหน่ายให้มากขึ้นในหลายจังหวัด รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคสุกรให้กระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆอในช่วงเทศกาลให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนราคากุ้งขาวแวนนาไม คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.25-2.91 อยู่ที่ราคา 188.00 -193.00 บาท/กก. เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงทำให้ให้ราคากุ้งขาวแวนนาไมปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนน้ำตาลทรายดิบที่เป็นสินค้าที่มีแนวโน้มลดลงคาดว่า ราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์กในตลาดโลกจะลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50-2.00 อยู่ที่ราคา 13.39-13.59 เซนต์/ปอนด์ (9.67-9.81 บาท/กก.) เนื่องจากแรงขายของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไรจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะผลผลิตน้ำตาลโลกส่วนเกินในปีการผลิต 2561/62 ประกอบกับราคาน้ำตาลถูกกดดันจากค่าเงินเรียลของบราซิลที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตทยอยขายน้ำตาลออกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกมีเพิ่มขึ้นและราคาจะลดลง[full-post]
แสดงความคิดเห็น