Posted: 23 Apr 2018 08:42 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)

เครือข่ายเอดส์ค้านคำขอสิทธิบัตรยาไวรัสตับฯ ซี หวังพึ่งกฎหมายสิทธิบัตรปลดแอกการผูกขาดไม่เป็นธรรม ชี้ บริษัทยายื่นแก้ไขคำขอรับสิทธิบัตรหลังประกาศโฆษณาไม่ชอบธรรม


23 เม.ย.2561 ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์และเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าพบเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อยื่นคำคัดค้านคำขอสิทธิบัตรเลขที่ 1401001362 สำหรับยาสูตรผสมรวมเม็ดโซฟอสบูเวียร์และเลดิพาสเวียร์ ที่ใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ตามสิทธิในการยื่นคำคัดค้านภายใน 90 วันหลังจากวันประกาศโฆษณาเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2561 ตาม พ.ร.บ. สิทธิบัตร

สำหรับเหตุผลที่กลุ่มดังกล่าวยื่นคัดค้านคำขอฯ ฉบับนี้ เนื่องจากว่า ไม่เข้าหลักเกณฑ์การให้สิทธิบัตร ด้วยเหตุผลสามข้อ คือ หนึ่ง พ.ร.บ. สิทธิบัตรไม่อนุญาตให้จดสิทธิบัตรในเรื่องการบำบัดรักษา ในกรณีคือการใช้ยานี้เพื่อบำบัดรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี สอง การผสมยาสองชนิดรวมในเม็ดเดียวเป็นเทคโนโลยีธรรมดาๆ ที่เปิดเผยและทราบกันโดยทั่วไปในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางเภสัชกรรมอยู่แล้ว และสาม ประสิทธิผลของการใช้ยาสองชนิดนี้ร่วมกันเป็นสิ่งที่ทราบกันดีอยู่แล้วในทางเภสัชกรรม ซึ่งในกฎหมายระบุว่าต้องก่อให้เกิด “ผลที่ไม่เป็นที่ประจักษ์โดยง่าย” จึงจะเข้าข่ายได้รับสิทธิบัตร

มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ระบุว่า ทราบข่าวเมื่อวันที่ 18 เมษายนนี้ว่า ตัวแทนของบริษัทกิลิเอดได้ยื่นแก้ไขเนื้อหาของคำขอรับสิทธิบัตรภายหลังที่ประกาศโฆษณาไปแล้ว

เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล ผู้ประสานงานรณรงค์การเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า การที่กรมฯ ยอมให้แก้ไขเนื้อหาในคำขอฯ โดยเฉพาะสาระสำคัญ เป็นความไม่เป็นธรรมต่อสาธารณะและผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีระยะเวลาเพียง 90 วัน ที่ต้องศึกษาเอกสารจำนวนมากและเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นคัดค้านให้ทัน การยอมให้แก้ไขคำขอฯ หลังประกาศโฆษณาแล้ว โดยรู้กันเพียงระหว่างผู้ยื่นแก้ไขกับเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ถือว่าเป็นไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง เพราะเอกสารคำคัดค้านทำขึ้นตามเนื้อหาที่ประกาศโฆษณาแต่แรกและอาจมีผลทำให้คำคัดค้านตกไป

“กรมฯ ควรหยุดอนุญาตให้มีการแก้ไขสาระสำคัญของคำขอฯ อย่าเอาเรื่องสุขภาพของประชาชนไปแลกกับค่าธรรมเนียมขอแก้ไขเพียงไม่กี่บาทและการทำยอดการให้สิทธิบัตร สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาในการพิจารณาสิทธิบัตรของกรมฯ และทัศนคติของเจ้าหน้าที่ แสดงให้เห็นว่ากรมฯ ส่อเอื้อประโยชน์กับอุตสาหกรรมยาข้ามชาติ ไม่ได้มองเห็นผลของการผูกขาดที่ไม่เป็นธรรมและผลกระทบด้านสาธารณสุข ที่ผู้ป่วยจะไม่ได้รับการรักษาและระบบสุขภาพของประเทศต้องแบกรับภาระค่ายาที่แพง เพราะความบกพร่องของระบบสิทธิบัตรของประเทศ” เฉลิมศักดิ์ กล่าว

ยารวมเม็ดโซฟอสบูเวียร์และเลดิพาสเวียร์มีราคาสูงถึง 94,000 เหรียญสหรัฐฯ (2.8 ล้านบาท) ต่อการักษา 12 สัปดาห์ในอเมริกา ในขณะที่ยาตัวเดียวในอินเดียมีราคาเพียงไม่ถึง 100 เหรียญสหรัฐฯ (3 พันบาท) ยานี้อยู่ในชุดสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพของไทยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยที่มีราคาไม่เกิน 16,800 บาทต่อการรักษา 12 สัปดาห์ และอยู่ในระหว่างจัดซื้อนำเข้าจากอินเดีย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากแรงกดดันทั่วโลก ที่ต่อต้านการตั้งราคาแพงลิบลิ่วและสิทธิบัตรที่ไม่ชอบธรรม รวมถึงการประกาศใช้มาตรการซีแอลในมาเลเซีย ส่งผลให้บริษัทกิลิเอดยอมขยายสัญญาในมาเลเซีย ยูเครน ไทย และเบลารุส นำเข้าหรือผลิตยาตัวเดียวกันที่เป็นยาชื่อสามัญได้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.