นคร มาฉิมFollow

ขอร่วมสืบสานอุดมการณ์ ของเหล่าวีรชนประชาธิปไตย


การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรม ในระบอบประชาธิปไตย ของเหล่าวีรชนประชาธิปไตยต่อเนื่องยาวนาน นับแต่การอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 หลายร้อยหลายพันชีวิตที่ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย ด้วยอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ด้วยความเสียสละ เพื่อสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นธรรม เพื่อปลดแอกความเป็นทาส ไพร่ ให้ตนเองและลูกหลานไทยในสงครามชนชั้น ในสงครามการต่อสู้ สองระบอบ คือ ประชาธิปไตย กับเผด็จการ

ฝ่ายประชาธิปไตยที่ประกอบไปด้วย นิสิต นักศึกษา ประชาชนมีเพียงมือเปล่า แต่มีความใฝ่ฝันที่จะมองเห็น แผ่นดินนี้ มีสิทธิเสรีภาพความเสมอภาค และ ความยุติธรรม ต่อสู้เรียกร้องด้วยความเสียสละ
ส่วนฝ่ายเผด็จการ ที่ประกอบด้วย นายทุนผูกขาด ขุนศึกที่มีอาวุธ และศักดินาอำมาตย์ ซึ่งเป็นชนชั้นนำ เพียงเพื่อรักษาสถานะความเป็นชนชั้นปกครองของพวกตน ได้ปลุกเร้าสังคมให้เกิดความแตกแยกความเกลียดชัง ให้คนไทยเข่นฆ่าประหัตประหารคนไทยด้วยกัน ใช้อาวุธล้อมฆ่านักศึกษาประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยอย่างโหดเหี้ยมอำหิต เพื่อปกป้องคุ้มครองและรักษาสถานะความเป็นชนชั้นปกครองของพวกตนที่เรียกว่าระบอบเผด็จการ เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ตุลาคม2519 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบ 42 ปีในวันนี้

จากวันนั้นถึงวันนี้ การต่อสู้ของสองระบอบก็ยังดำรงอยู่ไม่ว่าจะเมื่อ พฤษภาคม 2535 หรือเมษา พฤษภา 2553 อีกหลายร้อยหลายพันชีวิตของฝ่ายประชาธิปไตยที่ได้สังเวยไป จนถึงวันนี้ฝ่ายเผด็จการยังชนะอยู่ มีอำนาจรัฐอยู่ กดขี่ข่มเหงด้วยอำนาจปืน และกฎของเผด็จการอยู่ ประเทศไทยของเราจึงขาดไร้สิทธิเสรีภาพ อาณาประชาราษฎร์จึงทุกข์ยากลำบาก เศรษฐกิจฝืดเคือง การเมืองการปกครองล้าหลัง เป็นคนป่วยของเอเชีย เป็นยุคมืดภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหาร

แต่ด้วยในโลกสมัยใหม่ มีเทคโนโลยีไร้พรมแดน ประชาชนรู้เท่าทันชนชั้นนำ กอร์ปกับตลอดระยะเวลาเกือบห้าปีที่ฝ่ายเผด็จการปกครองประเทศได้พิสูจน์แล้วว่าเผด็จการนั้น เลวร้ายมากกว่าประชาธิปไตยหลายเท่า สร้างแต่ปัญหาความเดือดร้อน สร้างแต่ความทุกข์ยาก สร้างแต่ความเกลียดชัง มีแต่การทุจริต คอรัปชั่นอย่างรุนแรงโดยไม่มีการตรวจสอบ มีแต่สร้างความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้นในสังคมไทย มีแต่ฉุดลากสังคมไทยให้ถอยหลังไปสูยุคมืด ซึ่งแตกต่างจากระบอบประชาธิปไตย ที่มีแต่การส่งเสริมสิทธิเสรีภาพความเสมอภาค และความเป็นธรรมให้คนไทยทุกคนสร้างเกียรติภูมิให้แก่ประเทศไทยของเราในเวทีโลก

วันนี้ครบ 42 ปีที่ฝ่ายเผด็จการใช้อาวุธเข่นฆ่าประชาชนนิสิตนักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย หลายท่านยังมีชีวิตอยู่ หลายท่านบาดเจ็บทุพพลภาพ หลายท่านเสียชีวิตและสาบสูญ รวมทั้งเหล่าวีรชนที่บาดเจ็บล้มตายในทุกเหตุการณ์การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคและความเป็นธรรม จงรับรู้เถิดว่า ท่าน คือวีรชนประชาธิปไตย พวกเราจะขอสานต่ออุดมการณ์ของทุกท่าน สู้ต่อไป เพื่อประชาธิปไตยและปากท้องของประชาชน เพื่อสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรมในระบอบประชาธิปไตย จนกว่าจะชนะ

เราเชื่อว่า เผด็จการเป็นโลกแห่งอดีต ประชาธิปไตยต่างหากที่ควรจะเป็นระบอบการเมืองการปกครองที่เหมาะสมในโลกปัจจุบันและอนาคต

ในการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ จึงอยากเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ที่รักความถูกต้อง รักความเป็นธรรม รักสิทธิเสรีภาพรักประชาธิปไตย ได้โปรดร่วมกันสานต่ออุดมการณ์ของเหล่าวีรชนประชาธิปไตย ให้ประชาธิปไตยชนะฝ่ายเผด็จการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อสืบทอดเจตนารมย์ของเหล่าวีรชนประชาธิปไตย เพื่อลูกหลานของพวกเรา และประเทศไทยของเรา พึงระลึกอยู่เสมอว่า สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตยไม่เคยมีประเทศไหนได้มาจากการก้มกราบแล้วอ้อนวอนร้องขอ แต่สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและประชาธิปไตยในทุกประเทศทั่วโลกจะได้มาด้วยการลุกยืนขึ้น แล้วต่อสู้อย่างทรนง ด้วยหลักการ ด้วยความจริง ด้วยสติและปัญญาอย่างไม่ยอมแพ้ต่อเผด็จการเท่านั้น

เผด็จการจงพินาศ
ประชาธิปไตยจงเจริญ


นคร มาฉิม

อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก

อดีตประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองสภาผู้แทนราษฎร

6 ตุลาคม 2561

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.