Siriphat Somsaen 

ประธาน นปช. ยัน ข่าวออกมาว่าจะมีการจับมือทำพรรคร่วมกัน ระหว่าง สนธิ พุทธะอิสระ นั้น ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงคำพูดที่เคยสื่อสารผ่านไปทางท่านยงยุทธ ติยะไพรัช ขณะต้องคดีอยู่ในเรือนจำ ว่าได้มีการพูดคุยกับบุคคลที่เคยเห็นต่างทางการเมือง เพื่อหาจุดที่ประเทศชาติจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งขอยืนยันว่า เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่สอดคล้องไปในแนวทางที่ดี ไม่ได้หมายความว่าเรา 3 คน จะมีการจับมือจัดตั้งพรรค ตามที่ข่าวเอาไปขยายตีความ

////////////////////

เวลาประมาณ 11 นาฬิกา ของวันที่ 9 ตุลาคม 2561 สำนักข่าวชื่อดังช่องหนึ่ง ได้พาดหัวข่าวลงใน เว็บไซต์ของช่อง ใจความว่า “สลายสีเสื้อเหลือง-แดง"สนธิ"จับมือ"จตุพร"ตั้งพรรคเพื่อชาติ” ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์ ถึงการที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ไปจับมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ อดีตพระพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง สร้างความไม่พอใจ กับกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง

โดยเมื่อเข้าไปอ่านในเนื้อข่าว ปรากฎว่า เป็นการให้สัมภาษณ์ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ถึงการจัดตั้ง “พรรคเพื่อชาติ”เป็นพรรคกลาง สลายสีเสื้อ ตามแนวคิดของประธาน นปช. ซึ่ง แนวความคิดนี้เกิดขึ้นภายหลัง ได้รับโทษที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และได้พบ พูดคุยกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถูกจำคุกอยู่เช่นเดียวกัน ทำให้เกิดแนวคิดเรื่องความปรองดอง สลายสีเสื้อ เพื่อแก้ปัญหาให้ประเทศ มิใช่การจับมือเพื่อตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายจตุพร และนายยงยุทธ ต่างก็อยู่ระหว่างถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง ไม่สามารถลงสมัคร ส.ส. ได้ ซึ่งโยงไปถึงการขาดคุณสมบัติในการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 9 และมาตรา 24 ด้วย นายจตุพรเพิ่งพ้นโทษคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้สมัคร ส.ส. ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (7) คือพ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปี ส่วนนายยงยุทธ สมัคร ส.ส. ไม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตราเดียวกัน (11) คือ เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ทั้งนี้นายยงยุทธถูกตัดสินว่าทุจริตการเลือกตั้ง จนกระทั่งทำให้พรรคพลังประชาชนที่เขาสังกัดในตอนนั้นถูกยุบพรรคในปี 2551

โดยข้อความใน เว็บไซต์ข่าวดังกล่าว ระบุว่า

นาย ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ยอมรับว่าได้ปรึกษาหารือกับหลายฝ่าย เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้ง ควรมีพรรคกลางที่ทุกฝ่ายมาอยู่ร่วมกันได้เพื่อมองไปถึงอนาคต เป็นมรดกให้กับลูกหลานวันข้างหน้า ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ลงเลือกตั้ง แต่จะมุ่งมั่นหาแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศ ซึ่งเรื่องดังกล่าวตรงกับแนวคิดของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่ได้พูดคุยกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ อดีตพระพุทธะอิสระ ในเรือนจำก่อนหน้านี้แล้ว

ขณะที่ นายจตุพร ก็ได้ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่ง กับไทยรัฐออนไลน์ วันที่ 8 ตุลาคม 2561 ใจความว่า

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ยืนยันชัดเจนว่า ตนเองไม่มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับการลงรับเลือกตั้ง และไม่มีบทบาทหน้าที่เกินเลยกว่ากฎหมายกำหนด ทุกอย่างที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นไปในแนวทางขอบเขตกฎหมาย ถึงแม้ลงไปเล่นการเมืองไม่ได้ ก็สามารถที่จะเป็นกองเชียร์ และร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะคนที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันได้ อย่างไรก็ตาม ที่มีข่าวออกมาว่าจะมีการจับมือทำพรรคร่วมกัน ระหว่าง สนธิ พุทธะอิสระ และตนเองนั้น ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด

เป็นเพียงคำพูดที่เคยสื่อสารผ่านไปทางท่านยงยุทธ ติยะไพรัช ขณะต้องคดีอยู่ในเรือนจำ ก็ได้มีการพูดคุยกับบุคคลที่เคยเห็นต่างทางการเมือง เพื่อหาจุดที่ประเทศชาติจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งขอยืนยันว่า เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่สอดคล้องไปในแนวทางที่ดี ไม่ได้หมายความว่าเรา 3 คน จะมีการจับมือจัดตั้งพรรค ตามที่ข่าวเอาไปขยายตีความ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.