Posted: 07 Oct 2018 11:28 PM PDT (อ้าาอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Mon, 2018-10-08 13:28


พีร์ พงศ์พัฒนพันธุ์

ใช่แล้วครับ สถาบันสันติศึกษาในไทยมีอยู่เกินหนึ่งสถาบัน แต่ที่ผมเพิ่งทราบข่าวผ่านออนไลน์มาหยกๆ คือ สถาบันสันติศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่งในเมืองไทย ไม่ต้องเอ่ยชื่อท่านคงทราบ อยู่แถววังน้อย มีอยู่ที่เดียว และท่านคงทราบด้วยว่าสถาบันสันติศึกษา เขาศึกษาเรื่องอะไรเป็นหลัก
ก็เขาศึกษาวิธีการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นสังคม ในโลกไงครับ และผมขอเดาเอาว่า คำว่า “สันติภาพ”คงเป็นคำสากลสื่อความหมายรู้เรื่องกันดีกับคนทุกเชื้อชาติศาสนา ไม่ใช่เพียงแค่ชาวพุทธอย่างเดียว เว้นแต่ชาวพุทธจะบอกไทยแลนด์คือ เขาพระสุเมรุ ศูนย์กลางจักรวาล เท่านั้น


เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า หลักสูตรสันติศึกษาของสถาบันการศึกษาแห่งนี้ เขาไปมอบโล่รางวัล “ลมหายใจแห่งสันติภาพ”ให้กับ “โค้ชเอก”นายเอกพล จันทวงศ์ แห่งทีมหมูป่าอะคาเดมีทำนองว่า “เจริญสมาธิ ระหว่างติดอยู่ในถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน ก่อนที่จะถูกช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวง ได้อย่างปลอดภัย” (https://www.springnews.co.th/view/351238) อัศจรรย์สมาธิล่ะครับ

สถาบันสันติศึกษาแห่งนี้ ก็คงเชื่อมโยงให้เกี่ยวข้องกับสันติภาพหรือสันติศึกษาแบบ ridiculous จริงๆ ครับ เหมือนกับการบอกว่า สตีฟ จอบส์ นับถือศาสนาพุทธ หรือเหมือนกับที่มีคนพูดว่า ไทเกอร์ วูดส์ เป็นคนไทย ทำนองเดียวกัน

เพราะมันเป็นตรรกะเดียวกันครับ เป็นการนำเอาพระพุทธศาสนาให้กลายเป็นยาหรือธรรมโอสถครอบจักรวาล แก้ปัญหาได้สารพัดปัญหา ในฐานะแห่งการเป็นชาวพุทธผมไม่เถียง คำอธิบายก็คือ หลักธรรมข้อเดียว เช่น ความไม่ประมาทของศาสนาพุทธ เป็นยาครอบจักรวาลจริง คนขับรถในเคนยา แอฟริกา หรือประเทศใดๆ ในโลกโดยไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาพุทธสามารถนำหลักธรรมนี้ไปใช้ได้หมดครับ ขืนไม่ใช้ธรรมคือความไม่ประมาทสิครับอุบัติเหตุแน่นอน ธรรมคือสมาธิ สติ สันติ ฯลฯ ก็ไม่ต่างกัน กล่าวคือเป็นธรรมสากล แสดงว่า คุณกำลังเคารพธรรมคือความเป็นสากลอยู่นะครับ ผมไม่เถียงข้อนี้ครับ

นอกจากการโหนคนดังหรือกระแสเหตุการณ์ดังๆ ของบ้านเมืองเหมือนดังชาวบ้านทั่วไปทำกันแล้ว (ก็โค้ชเอกดังแล้วนิ) การใช้ธรรมโอสถแบบครอบจักรวาล ในมุมมองแบบเดียวกับที่สถาบันสันติศึกษาแห่งนี้เป็น ยังเกิดขึ้นหลายๆ ที่ในไทยแลนด์ นั่นคือ เว้นวรรคการนำมาใช้ ใช้แต่มุมโลกสวย เป็นประโยชน์กับตัวเอง องค์กรตัวเอง หาใช่ประโยชน์ของมวลชนผู้โดนแรงบีบอัดรัดรึงด้านต่างๆ ในสังคมแต่อย่างใดไม่

ในทางกลับกัน ถ้าโลกนี้สวยจริง ก็คงไม่ต้องสันติศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาสันติภาพของสังคมหรือของโลกแล้วล่ะครับ ท่าจะเป็นสันติศึกษาแบบไทยๆ ซะมากกว่า ทั้งๆ ที่เวลาเรียนสันติศึกษา ผมเดาว่า คุณใช้โมเดลสันติศึกษาของต่างประเทศมากกว่าครึ่งของหลักสูตร

ทำไมผมจึงเกิดความสงสัยต่อหลักสูตรสันติศึกษาของคุณครับ หากไม่เพราะคุณเลือกเว้นวรรคที่จะสันติหรือไม่สันติ คุณเลือกเอา“ลมหายใจแห่งสันติภาพ”มากกว่าเลือกพูด “99 ศพ” ที่ราชประสงค์ ที่ที่มีการยิงคนตายตูมตาม คุณในฐานะเกี่ยวข้องกับงานสันติศึกษาโดยตรงยังไม่พูดสักแอะ แล้วจะให้ใครพูดครับ พระ(สงฆ์) นั่นแหละควรพูดไม่ใช่เหรอครับ ไม่ต้องบิณฑบาตในเวลานั้นก็ได้ครับ เพราะมันผ่านมานานแล้ว แต่ในแง่ของสันติศึกษา การถอดบทเรียนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ควรนำมาศึกษา วิเคราะห์ วิจารณ์มิใช่หรือ? แต่ผมคิดว่าคุณเปล่า คุณเลือกเว้นวรรคที่จะพูด คุณพอใจกับการโหนกระแส “ลมหายใจแห่งสันติภาพ” ขุนน้ำนางนอนมากกว่าการตาย 99 ศพ นี่ไงครับแบบอย่างของงานสันติศึกษาแบบไทยๆ ยุค 4.0

ก่อนหน้าจะเขียนบทความนี้ เพื่อนผมคนหนึ่งโทรไลน์มาถามประเด็นผู้อพยพชาวโรงฮิงยา เขาไม่เข้าใจว่าระหว่างมนุษยธรรมกับความมั่นคงขอชาติอันไหนสำคัญกว่ากัน?

มนุษยธรรมนั้น น่าจะเป็นความหมายเดียวกันกับคำว่า Human Rights กระมังครับ “สิทธิมนุษยชน”ซึ่งฝรั่งบอกว่า เป็นเรื่องสากล เป็นหลักการเดียวกันทั่วโลก แถมมีชาวพุทธในไทยพูดอยู่นะครับว่ามันคือศีล 5 ประเด็นชาวโรฮิงยานี้เป็นปัญหาของไทยที่สหประชาชาติทวงถามทั้งรัฐบาลไทยและรัฐพม่าของนางอองซานซูจี(ที่ตอนนี้ฝรั่งมองภาพเธอไม่แตกต่างไปจากปิศาจเข้าไปทุกทีแล้ว)

คำถามตรงๆ ต่อสถาบันสันติศึกษาในประเทศไทยก็คือ นอกจาก“ลมหายใจแห่งสันติภาพ”แล้ว คุณไม่นำเสนอหรือตอบโจทย์ปัญหานี้ในแง่ของสิทธิมนุษยชน ในแง่ศีลธรรมเลยรึ? ถึงได้เงียบดุจเป่าสาก มิต่างอะไรกับการกลบเกลื่อนปัญหา เว้นวรรคเว้นวาระที่เป็นประเด็นข้อถกถียงของสังคม เพราะต้องไม่ลืมว่าเวลาคุณทำหลักสูตร คุณก็ประยุกต์หลักสูตรของคุณจากคัมภีร์ฝรั่งมังค่า ถามจริง พระพุทธะ ท่านให้ตาต่อตาฟันต่อฟัน เหมือนที่พระวิราทูของพม่าพูดเหรอครับ ผมเคยได้ยินมาว่าท่านว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร มิใช่หรือขอรับพระเดชพระคุณ?

สันติศึกษาที่วังน้อย ช่วยตอบหน่อยสิครับว่า ชาวพุทธหรือชาวไทยควรมีท่าทีอย่างไรกับผู้อพยพชาวโรฮิงยา ควรปล่อยให้พวกเขาตายตามยถากรรม ตามเวรตามกรรมหรือไม่? หัวเรือโผล่มาเขตไทยถีบส่งกลับไปยะไข่เลยรึ?

ผมเห็นภาพเด็กๆ ชาวโรฮิงยา ที่เพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ยูเอ็นส่งมาต่อมน้ำตาแทบแตกครับ คนไทยส่วนใหญ่คงเห็นภาพนี้แล้ว แต่แล้วเราจะดีลกับปัญหานี้อย่างไร สันติศึกษามีทางออกให้ไหมครับ

นอกจาก“ลมหายใจแห่งสันติภาพ” ซึ่งเป็นประเด็นโลกสวยชวนฝันของพวกท่าน ไม่สงสารคนจ่ายภาษี เป็นงบวิจัย เป็นเงินเดือนให้พวกท่านทุกเดือนเหรอครับ?

สตีฟ จอบส์ จะเป็นชาวพุทธหรือเปล่า ผมไม่ทราบครับ ทราบแต่ว่าเขาฝักใฝ่ ประชาธิปไตย เสรีภาพเหมือนคนอเมริกันทั่วไป หรือท่านคิดว่าผู้ที่กินมังสวิรัติ บอกตัวเองเป็นพุทธ เขาจะเป็นชาวพุทธจริงๆ ผมเองมิบังอาจทราบได้ แล้วจอบส์เองไม่ได้ “สนใจ”พุทธเถรวาทนะครับ เขาสนใจพุทธวัชรยานตะหาก เราควรค่าพอที่จะไปบอกมวลชนในเมืองไทยเหรอครับว่า จอบส์เป็นชาวพุทธ ขณะที่เราเองไม่แม้ แต่กล้าแสดงความเห็นเรื่องการละเมิดพลเมืองทิเบตของรัฐบาลจีนเลย อย่างนี้ไม่เรียกว่าสักแต่อ้างพวกพ้อง หาคะแนนนิยมแล้วจะให้เรียกว่ากระไรดีขอรับ

กรณีของไทเกอร์ วูดส์ นั้น เจ้าตัวพูดเองครับว่า เขาเป็นอเมริกัน แม่ของเขาเองตะหากเล่าที่เป็นคนไทย จากการที่เธอเองเกิดที่เมืองไทย เมื่อก่อนเธอนิยมไปทำบุญที่วัดมงคลรัตนาราม เบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย ที่สร้างโดยหลวงพ่อใหญ่ แห่งวัดสุทัศน์ฯ แม่ของวูดส์ถึงกับเคยเปรยกับคนใกล้ชิดว่า ตอนที่เธอมาอเมริกาใหม่ คนไทยทั้งที่เมืองไทยและอเมริกาปฏิบัติต่อเธอไม่ค่อยดีนัก ครั้นพอลูกชายเป็นคนดัง (และร่ำรวย) กลับปฏิบัติอีกแบบ สันติศึกษามีอะไรแตกต่างจากคนไทยเหล่านั้น แม้ในแง่การอ้างความเป็นคนพุทธของจอบส์

หลักการสำคัญสุดของสันติศึกษาน่าจะอยู่ที่การแสวงหาแนวทางหรือวิธีการที่จะทำให้คนในสังคมอยู่อย่างสันติมิใช่เหรอครับ เล่นเลือกขั้วเลือกข้างที่จะพูด เว้นวรรคไม่พูด ใส่เกียร์ว่างในประเด็นความขัดแย้งของสังคม สถาบันของพวกคุณจะมีประโยชน์อะไรต่อสังคมเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาครับ นอกจากการปั้นวาทกรรม คำคล้องจองให้ดูสวยหรูไปวันๆ เหมือนดังเช่น “ลมหายใจแห่งสันติภาพ” ฟังดูดีครับ แต่ความหมายของมันคืออะไร นำมาใช้ได้จริงหรือไม่

ธรรมโอสถนั้นครอบจักรวาลจริง ไม่เถียง ขอแต่อย่าเว้นวรรค เลือกปฏิบัติในบางเรื่องที่ทำให้ตัวเองปลอดภัยดูดีเพียงอย่างเดียวสิครับ ไม่งั้นเราจะมี “ลมหายใจแห่งสันติภาพ” ได้เยี่ยงไรเล่าขอรับ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.