นายกฯใช้ม. 44 สะสางโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งโดยใช้อำนาจตาม ม. 44 สะสางโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และโครงการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การเกษตรอื่น ๆ ของรัฐในอดีต ให้กรมบังคับคดีเดินหน้าเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง โดยเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการได้รับความคุ้มครอง
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๖/๒๕๕๙ เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในการดูแลของรัฐ และการดําเนินการต่อผู้ต้องรับผิด โดยระบุถึงที่มาของคำสั่งว่า เนื่องจากโครงการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรหลายโครงการในอดีต ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจํานําข้าวเปลือก โครงการแทรกแซงมันสําปะหลัง หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น ในปัจจุบันประสบปัญหาโดยยังเหลือผลิตภัณฑ์ในการดูแลของรัฐอยู่จํานวนมาก หากการเก็บรักษาและการระบายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกสู่ตลาดมีความไม่รอบคอบรัดกุมหรือไม่สุจริต ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้บุคคล คณะบุคคล คณะทํางาน คณะกรรมการ หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายหรือได้รับมอบหมายจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้อง คณะกรรมการนโยบายและบริหาร จัดการมันสําปะหลัง หรือคณะกรรมการนโยบายข้าวโพด ให้ดําเนินการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังหรือข้าวโพดที่อยู่ในการดูแลรักษาของรัฐ ดังต่อไปนี้
(๑) โครงการแทรกแซงมันสําปะหลังของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึง ปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ ซึ่งได้ดําเนินการมาตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หรือภายหลังจากนั้น
(๒) โครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ซึ่งได้ดําเนินการมาต้ังแต่ วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หรือภายหลังจากนั้น ยังคงมีอํานาจหน้าที่ดําเนินการดังกล่าวต่อไปเช่นเดิม ทั้งนี้ เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้น เพราะเหตุแห่งความเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังหรือข้าวโพด การแตกต่างระหว่างราคา ผลิตภัณฑ์หัวมันสําปะหลังสดหรือข้าวโพดที่รับจํานํากับราคาที่จําหน่ายได้ การที่รัฐต้องรับภาระค่าเช่าคลัง ค่าประกันภัย ค่าดูแลรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังหรือข้าวโพด ค่าใช้จ่ายอื่นและดอกเบี้ย และเพื่อป้องกันมิให้การระบายผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังหรือข้าวโพดเป็นการเพิ่มอุปทานตลาดในช่วงเวลาเดียวกับ ที่มีผลผลิตฤดูกาลใหม่โดยไม่สมควร รวมทั้งดําเนินการเพื่อให้ทราบตัวผู้ต้องรับผิดและเรียกให้ผู้นั้น ชดใช้ความเสียหายแก่รัฐตามกฎหมาย
ในกรณีที่บุคคลตามวรรคหนึ่งได้กระทําการไปตามอํานาจหน้าที่โดยสุจริต ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่เกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เกินกว่ากรณีจําเป็น ย่อมได้รับความคุ้มครองและไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ได้รับความเสียหายที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางราชการ ตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
ข้อ ๒ เมื่อได้มีคําสั่งทางปกครองของหน่วยงานของรัฐหรือคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาล แล้วแต่กรณี ให้มีการบังคับทางปกครองต่อผู้ต้องรับผิดตามโครงการรับจํานําข้าวเปลือกของรัฐ ตั้งแต่ ปีการผลิต ๒๕๔๘/๒๕๔๙ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๖/๒๕๕๗ โครงการแทรกแซงมันสําปะหลังของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ให้กรมบังคับคดีมีอํานาจหน้าที่ในการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ตามกฎหมาย ว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพื่อบังคับการให้เป็นไปตามคําสั่งหรือคําพิพากษาดังกล่าว และให้ได้รับ ความคุ้มครองตามข้อ ๑ วรรคสอง ด้วย
ข้อ ๓ ให้บุคคลตามข้อ ๑ วรรคหนึ่ง ซึ่งมีอํานาจหน้าที่ที่ต้องดําเนินการใด ๆ ตามคําสั่งทางปกครองของหน่วยงานของรัฐหรือคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาล แล้วแต่กรณี ให้มีการดําเนินการ ต่อผู้ต้องรับผิดตามโครงการแทรกแซงมันสําปะหลังของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๑/๒๕๕๒ จนถึง ปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖ หรือโครงการแทรกแซงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๕๑/๒๕๕๒ ได้รับความคุ้มครอง ตามข้อ ๑ วรรคสอง ด้วย ให้นําความในวรรคหนึ่ง ไปใช้บังคับกับการดําเนินการต่อผู้ต้องรับผิดในโครงการรับจํานําข้าวเปลือก ของรัฐ ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๔๘/๒๕๔๙ จนถึงปีการผลิต ๒๕๕๖/๒๕๕๗ ด้วย
ข้อ ๔ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไข เปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ข้อ ๕ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.