ผู้เชี่ยวชาญประเมินศักยภาพนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ เตือนการคว่ำบาตรไม่ช่วยยุติความขัดแย้ง
ศ.ซิกฟรีด เอส. เฮ็คเกอร์ นักวิจัยประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดของสหรัฐฯ ประเมินศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งเพิ่งทดสอบยิงขีปนาวุธรอบใหม่เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงมติให้พิจารณาคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ให้รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นายเฮ็คเกอร์ประเมินว่าเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลางได้สำเร็จแล้ว 2 ครั้งในปีนี้ บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่น่าจะพัฒนาไปได้ไกลถึงขั้นที่จะสามารถยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ได้สำเร็จ เพราะการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปจะต้องอาศัยหัวรบนิวเคลียร์ย่อส่วนที่มีแรงต้านทานความร้อนสูง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกอย่างน้อย 10 ปี
อย่างไรก็ตาม นายเฮ็คเกอร์เตือนว่าเกาหลีเหนือมีคลังสำรองยูเรเนียมและพลูโตเนียมเข้มข้นอยู่ที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยองเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยประเมินจากที่เขาเคยเข้าไปสำรวจข้อมูลเมื่อปี 2553 คาดว่ามีปริมาณเพียงพอจะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ประมาณ 20 ลูก และการทดสอบยิงขีปนาวุธที่สำเร็จติดต่อกันอาจทำให้เกาหลีเหนือมีความมั่นใจในศักยภาพทางการทหารของตน จนนำไปสู่การเตรียมการโจมตีหรือข่มขวัญประเทศที่เป็นปฏิปักษ์เกาหลีเหนือ ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และดินแดนในปกครองของสหรัฐฯ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก
นายเฮ็คเกอร์ยังระบุด้วยว่าสิ่งที่ขาดหายไปในการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับเกาหลีเหนือ คือ การดำเนินมาตรการทางการทูต เพราะที่ผ่านมาหลายประเทศมุ่งใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อหวังโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ แต่การใช้มาตรการดังกล่าวอาจยิ่งผลักดันให้เกาหลีเหนือต้องดิ้นรนมากขึ้น และอาจนำไปสู่การจำหน่ายขีปนาวุธหรือสารตั้งต้นประกอบอาวุธนิวเคลียร์ให้แก่กลุ่มหรือองค์กรที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของรัฐ ซึ่งรวมถึงกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ เช่นเดียวกับมาตรการเพิ่มระบบป้องกันทางการทหารของเกาหลีใต้จะยิ่งส่งผลให้เกาหลีเหนือตอบโต้ด้วยความรุนแรงมากขึ้น
ด้านนายจอห์น ชิลลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขีปนาวุธของสหรัฐฯ เผยว่าการทดสอบยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือพัฒนาเทคโนโลยีในด้านดังกล่าวได้เร็วกว่าที่หลายฝ่ายประเมิน และคาดว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพที่จะยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำของจริงได้อย่างเร็วที่สุดในภายปี 2561

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.