คิดเป็นร้อยละ 0.49 ของเด็กที่เกิดในวันขึ้นปีใหม่ทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนราว 385,793 คน ทารกทั้งหมดราว 2.6 ล้านคนเสียชีวิตภายในหนึ่งเดือนหลังคลอด โดยร้อยละ 80 เสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด และการติดเชื้อ
ที่มาภาพ: ยูนิเซฟ/เมธี เถื่อนทัพ
1 ม.ค. 2561 องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุในวันนี้ว่า ในวันขึ้นปีใหม่นี้ จะมีเด็กเกิดใหม่ในประเทศไทยราว 1,886 คน โดยคิดเป็นร้อยละ 0.49 ของเด็กที่เกิดในวันขึ้นปีใหม่ทั่วโลก ซึ่งมีจำนวนราว 385,793 คน โดยครึ่งหนึ่งของเด็กที่เกิดในวันปีใหม่ทั้งหมดทั่วโลกเกิดใน 9 ประเทศ ได้แก่
อินเดีย — 69,070 คน, จีน — 44,760 คน, ไนจีเรีย — 20,210 คน, ปากีสถาน — 14,910 คน, อินโดนิเซีย — 13,370 คน, สหรัฐอเมริกา — 11,280 คน, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก— 9,400 คน, เอธิโอเปีย— 9,020 คน, บังคลาเทศ — 8,370 คน
แม้ทารกจำนวนมากทั่วโลกรอดชีวิตหลังคลอด แต่ก็มีทารกจำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตหลังคลอด ในปี 2559 มีทารกราว 2,600 คนเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด ในขณะที่ทารกอีก 2 ล้านคนเสียชีวิตภายในหนึ่งอาทิตย์หลังคลอด ส่งผลให้มีทารกทั้งหมดราว 2.6 ล้านคนเสียชีวิตภายในหนึ่งเดือนหลังคลอด โดยร้อยละ 80 เสียชีวิตจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด และการติดเชื้อ
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตของเด็กทั่วโลกลดลงถึงครึ่งหนึ่ง โดยในพ.ศ. 2559 อัตราของเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุครบ 5 ปีทั่วโลกอยู่ที่ 5.6 ล้านคน อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของทารกแรกคลอดยังเป็นเรื่องน่ากังวล โดยทารกที่เสียชีวิตภายในหนึ่งเดือนคิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนเด็กที่เสียชีวิตก่อนอายุ 5 ปี
ในเดือนหน้า ยูนิเซฟจะออกโครงการที่ชื่อว่า Every Child Alive ทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้มีการบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและไม่แพงสำหรับแม่และทารกแรกคลอดทั่วโลก อันรวมถึงการมีน้ำดื่มสะอาด ไฟฟ้า และการมีเจ้าหน้าที่ผู้เชื่ยวชาญในการทำคลอด อุปกรณ์ตัดสายสะดือที่ปลอดเชื้อ และการส่งเสริมการกินนมแม่ในช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของชีวิต
อลิสแตร์ เกรทาร์สัน หัวหน้าแผนกสื่อสารองค์กร องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ”เรากำลังเข้าสู่ยุคที่เด็กเกิดใหม่ทั่วโลกควรต้องมีโอกาสเห็นโลกในศตวรรษที่ 22 แต่น่าเสียดายที่เด็กครึ่งหนึ่งที่เกิดในปีนี้อาจไม่มีโอกาสนั้น ขณะที่เด็กที่เกิดใหม่ในสวีเดนในเดือนมกราคมนี้มีแนวโน้มที่จะมีอายุขัยเฉลี่ยที่ปี ค.ศ. 2100 แต่เด็กที่เกิดในโซมาเลียกลับมีแนวโน้มมีอายุขัยเฉลี่ยเพียงไม่เกินปี ค.ศ. 2075”[full-post]
แสดงความคิดเห็น