17 มกราคม 2561
เช้าวันนี้ผมไปขึ้นศาลทหารในคดีที่ คสช. ส่งคนมาอุ้มผมไปควบคุมที่พล ร. 9 เนื่องจากผมโพสต์ข้อความเมื่อสงกรานต์ปี 2559 ว่า “ผมไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” การที่ผมยังต้องขึ้นศาลทหารคือการประจานรัฐบาลที่ออกมติ ครม. ให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ เพราะการเอาพลเรือนขึ้นศาลทหารขัดต่อข้อ 10 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
พฤติกรรมของ คสช. และรัฐบาลคือการพูดอย่างทำอย่าง เช่น ขอเวลาอีกไม่นานแต่จนบัดนี้เกือบ 4 ปียังไม่มีทีท่าจะคืนอำนาจ หรือสร้างภาพเป็นรัฐบาลปราบโกง ถึงขนาดออกคำสั่ง คสช. ที่ 127/2557 แต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ จากนั้นออกคำสั่งที่ 1/2558 แต่งตั้งตัวเองเป็นประธานคณะกรรมการ ส่วนพลเอกประวิตรเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมการ (ตามลิ้งค์แนบท้าย) ทั้งหมดคือการสร้างภาพเพราะทั้งประธานและที่ปรึกษาไม่สามารถตอบคำถามเรื่องนาฬิกา 25 เรือน (ข้อมูลสิ้นสุดวันนี้) ให้ประชาชนเชื่อถือได้ คำตอบที่ว่านาฬิกาทั้งหมดเป็นของเพื่อนที่ยืมมาใส่ไม่มีใครเชื่อ
พลเอกประวิตรคงคิดว่าประชาชนโง่เหมือน ป.ป.ช. ที่อดีตเลขาของตัวทำหน้าที่เป็นประธาน ตามภาพถ่ายนาฬิกาทั้ง 25 เรือนที่โพสต์มา มีนาฬิกาชนิดที่สายเป็นโลหะซึ่งต้องตัดสายให้พอดีกับขนาดข้อมือเจ้าของถึง 12 เรือน หากนาฬิกาเป็นของเพื่อนพลเอกประวิตรจริง เพื่อนทุกคนจะต้องมีรูปร่างเหมือนกันมีขนาดแขนเท่ากับขาเหมือนพลเอกประวิตร จึงจะมีขนาดข้อมือเท่ากันให้พลเอกประวิตรยืมมาใส่ได้ ที่น่าแปลกคือนาฬิกาทั้ง 25 เรือนมีขนาดสายพอดีกับข้อมือพลเอกประวิตรทั้งหมด อย่าลืมหาเพื่อนที่รูปร่างเท่ากับตัวเองมาแสดงด้วย
การพูดว่าถ้า ป.ป.ช. บอกว่าผิดก็พร้อมออกไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย เพราะประธาน ป.ป.ช. ก็คืออดีตเลขาหน้าห้องของพลเอกประวิตร ทั้งยังมีคุณสมบัติต้องห้ามไม่ให้เป็น ป.ป.ช. ก็ยังแต่งตั้งกันเข้ามา
ผมขอเตือนพลเอกประวิตรในฐานะคนเคยคุ้นเคยกันว่า หากรักจะโกหกต้องให้เนียนไม่งั้นจะกลายเป็นการดูถูกสติปัญญาของประชาชน เสียชื่อพี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์หมด เพราะพยัคฆ์แปลว่าเสือมันกล้าสู้กล้าเผชิญหน้า ไม่หนีหรือซุกหัวหลุบหาง ประเภทโดนแล้วร้องหรือต้องวิ่งหนีนักข่าวเค้าไม่เรียกพยัคฆ์นะครับ ส่วนจะเรียกว่าบูรพาพยัคฆ์หรือบูรพาอะไรก็ไปถามประชาชนแล้วกัน
ที่มา: FacebookWatana Muangsook
แสดงความคิดเห็น