ปิยบุตร แสงกนกกุล 

แบ่งการบรรยายเป็นสองส่วน
หนึ่ง บทเฉพาะกาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอำนาจของ คสช. ยังคงดำรงอยู่ต่อไปแม้รัฐธรรมนูญนี้ผ่าน และ สอง โต้ฝ่ายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ

หนึ่ง บทเฉพาะกาล
ลองพิจารณาประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย จะพบว่า รัฐธรรมนูญไทยมีหลายฉบับ สืบเนื่องจากการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญบ่อยๆ แบ่งกลุ่มได้เป็นรัฐธรรมนูญถาวรกับชั่วคราว

รัฐธรรมนูญชั่วคราว เกิดหลังการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญถาวร แล้วทำรัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้น ก่อนจะมีรัฐธรรมนูญถาวรอันใหม่ขึ้น เลือกตั้งเข้าระบบ คณะรัฐประหารถอนตัวไป

เมื่อพูดถึงรัฐธรรมนูญชั่วคราว โดยความหมายต้องอยู่แป๊บเดียว แต่ในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย พบว่ามีรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่อยู่นาน ได้แก่ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ปี 2502 อยู่จนปี 2511 สมัยจอมพลถนอม อยู่เกือบสองปี จนเกิดเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516

มีข้อสังเกตว่า ระยะหลัง เมื่อมีรัฐประหาร รัฐธรรมนูญชั่วคราวจะสั้นขึ้น เช่น ปี 2534 รสช. รัฐประหาร อยู่ไม่ถึงปี ก็มีรัฐธรรมนูญถาวร หรือ คปค. อยู่เกือบปีก็มีรัฐธรรมนูญ 2550

น่าสนใจว่าถ้าเรามองรัฐประหารแต่ละครั้งของไทย ดูความตั้งใจของคณะรัฐประหารแต่ละชุด จะมีชุดที่อยากอยู่ยาวกับอยากอยู่สั้น คนที่อยากอยู่ยาว เช่น สฤษดิ์ และธานินทร์ หลัง 6 ต.ค. ตามแผน 4+4+4 แต่มีรัฐประหารก่อน ส่วนคณะรัฐประหารมาแล้วก็ไป เช่น รสช. (2534) คปค. (2549)

สาเหตุของพวกที่อยากอยู่สั้น คือต้องการไล่รัฐบาลจากการเลือกตั้งขณะนั้นออกไป เพราะขัดแย้งกัน เช่น ไม่พอใจที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร

ส่วนพวกที่อยากอยู่ยาว เพราะประเมินว่ามีการคุกคาม เป็นอันตรายต่อระบอบของพวกเขา พลังประชาธิปไตยเริ่มคุกคาม อำนาจเริ่มเป็นของประชาชนมากขึ้น จึงรัฐประหารเพื่อต้องการดึงกลับไป

ถามว่า ชุดปัจจุบัน อยากอยู่สั้นหรือยาว

ชุดปัจจุบัน พรุ่งนี้จะครบสองปี ดูเหมือนสั้น แต่ถ้าคิดว่าศตวรรษที่ 21 เผด็จการทหารที่อยู่ได้สองปีถือว่านานมาก โลกนี้แทบไม่เหลือประเทศไหนที่เป็นรัฐบาลเผด็จการทหาร

เมื่อเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ถ้าเราไม่พร้อมปิดประเทศ จึงต้องออกแบบรัฐธรรมนูญถาวรขึ้น เพื่อบอกว่าเดี๋ยวเราจะกลับสู่การเลือกตั้ง
รัฐประหารจะไม่อยู่แล้ว เรากลับไปคบค้ากับชาวโลกได้

โจทย์คือ ทำอย่างไรให้องค์กรแบบคณะรัฐประหารซ่อนตัวอยู่ในรัฐธรรมนูญถาวร เพื่อบอกประชาคมโลกว่ามีรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว เลือกตั้งแล้ว ออกแล้ว

เราต้องดูรัฐธรรมนูญ จะต้องอ่านจากมาตราสุดท้าย เพราะของไม่ดีอยู่ท้ายๆ ในบทเฉพาะกาล

ทำอย่างไรให้รัฐธรรมนูญชั่วคราวแปลงอยู่ในรัฐธรรมนูญถาร ถ้าผ่านได้ เราจะได้ "รัฐธรรมนูญชั่ว(คราว)ถาวร"

มาตรา 265 บทเฉพาะกาล นี่เป็นครั้งแรกที่องค์กรที่ทำรัฐประหารยังตามอยู่ต่อ แม้รับรัฐธรรมนูญแล้ว โดยเขียนให้อำนาจของหัวหน้า คสช. ที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ยังมีอยู่ต่อไป จนกว่า ครม.ชุดใหม่จากการเลือกตั้งเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งนั่นก็คืออำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 นั่นเอง

เท่ากับถ้าร่างนี้ผ่าน ไม่ใช่แค่ 279 มาตรา แต่บวกมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ไปด้วย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมา ทำให้ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า จะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ จะได้รัฐบาลไหม จะโดนใบเหลืองใบแดง หรือเลือกตั้งโมฆะไหม นอกจากนี้ การออกคำสั่งตามมาตรา 44 ที่ผ่านมา กว่า 70 ฉบับ ยังเป็นการออกแบบกว้างขวางในทุกเรื่อง ซึ่งอาจมีการเลื่อนเลือกตั้ง หรือพักการเลือกตั้งก็ได้

นอกจากมาตรา 44 แล้วยังมีมาตรา 269 ที่พูดเรื่อง ส.ว.ชุดที่มีข้าราชการ เหล่าทัพ เป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง ที่เหลือ คสช. เลือก โดย ส.ว.ชุดนี้ มีบทบาทเลือกองค์กรอิสระ และพัวพันกับการตรากฎหมายปฏิรูป เท่ากับจะมีสภาหนึ่งชุดที่มีความสัมพันธ์กับ คสช. แน่ๆ

นอกจากนี้ ยังมีมาตรา 272 ที่เปิดช่องให้มีนายกฯ จากคนนอก และหมวดปฏิรูป ระบุว่า ถ้าใช้รัฐธรรมนูญใหม่ จะต้องเอาแพคเกจนี้ไปด้วย ถ้าไม่ทำมีมาตรการลงโทษตามมาอีก

และสุดท้าย มาตรา 279 ที่รับรองว่าสิ่งที่ คสช. ทำมาทั้งหมด สิ่งใดๆ ก็ตามที่ คสช. ทำมา ตั้งแต่รัฐประหาร จนถึงวันนี้ ให้ถือว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ทุกประการ มาตรานี้คล้ายมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ 2550 แต่แรงกว่าเดิม เพราะมาตรา 265 ทำให้รัฐธรรมนูญของมีชัยมีมาตรา 44

สอง โต้แย้ง กับสิ่งที่ฝ่ายสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญประชาสัมพันธ์

- "รัฐธรรมนูญปราบโกง"
เมื่อชูธงว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงใครก็เชียร์ ถามว่าปราบโกงจริงไหม

รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ว่าด้วยการจัดความสัมพันธ์ทางอำนาจ พูดถึงที่มาของ ส.ส. ส.ว. ความสัมพันธ์ของสถาบันการเมือง รับรองสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ได้มีฟังก์ชันเพื่อปราบโกง

การปราบคอร์รัปชันไม่มีทางใช้รัฐธรรมนูญปราบได้ ถ้าใช้ได้ ประเทศนี้คงใช้เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทำมาหลายครั้งแล้ว แต่ทำกี่ทีก็ไม่สำเร็จ

การปราบโกงเป็นโฆษณาชวนเชื่อ พอขายไอเดียว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงคนเฮหมด แต่จริงๆ แล้วการปราบโกงขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตย

ในระบอบเผด็จการอาจจะเห็นว่าไม่มีการโกงเลยก็ได้ เพราะไม่มีระบบตรวจสอบ แต่ระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง มีกลไกตรวจสอบ อนุญาตให้แสดงความเห็นจึงทำให้เห็นว่ามีการคอร์รัปชันเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น ประชาธิปไตยเท่านั้นจึงจะปราบคอร์รัปชันได้

นอกจากนี้ มีข้อสังเกตว่า ระบบตรวจสอบคอร์รัปชันนั้นมีมาตรฐานไม่เสมอกัน โดยเอียงไปทางตรวจสอบนักการเมืองจากการเลือกตั้งมากกว่าคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เช่น ศาล กองทัพ ข้าราชการประจำ องค์กรอิสระต่างๆ

ในวิธีคิดของคนร่าง ดูเหมือนคนโกงมีแค่นักการเมืองจากการเลือกตั้งเท่านั้น

- "รัฐธรรมนูญนี้เชิดชูรับรองสิทธิเสรีภาพไว้จำนวนมาก"

มาตรา 26 บอกว่า การตรากฎหมายจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนต้องทำตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ กรณีไม่บัญญัติไว้ต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ถามว่า หลักนิติธรรมคืออะไร

ยกตัวอย่างให้ดูเวลาศาลรัฐธรรมนูญใช้ "หลักนิติรรม" ว่าใช้ในลักษณะใด เช่น คดีสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่า มาตรา 112 ขัดรัฐธรรมนูญจำกัดเสรีภาพการแสดงความเห็น และมีโทษไม่ได้สัดส่วน ผลคือ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย 9-0 บอกว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ชอบด้วยหลักนิติธรรมแล้ว

"คุณเขียนรัฐธรรมนูญแบบกังวลใจมากว่าคนจะเอาสิทธิเสรีภาพไปใช้แบบไหน" ปิยบุตรกล่าว

มาตรา 34 บุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความเห็น เสรีภาพทางวิชาการได้รับการคุ้มครองแต่ต้องไม่ขัดหน้าที่ปวงชนชาวไทย ศีลธรรมอันดี และต้องเคารพและไม่ปิดกั้นความเห็นต่างของประชาชน ขณะที่เมื่อดูมาตราที่ว่าด้วยหน้าที่ปวงชนชาวไทย ระบุว่า ห้ามกระทำการในลักษณะปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมหรือเรื่องสิทธิเลือกตั้งและประชามติ ก็ระบุให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ

รวมๆ แล้วเป็นการรับรองสิทธิไว้ แต่แนะนำด้วยว่าจะต้องใช้สิทธิอย่างไร

ดังนั้น แม้เขียนรับรองสิทธิไว้ ถ้าประชาชนรู้สึกว่ารัฐละเมิดสิทธิ และโต้แย้งไปที่ศาล ศาลจะแปลความตามที่ศาลต้องการ

"รับรองไปก็เหมือนไม่รับรอง"

นอกจากนี้ แม้จะรับรองสิทธิทั้งหมด แต่วันหนึ่ง ประชาชนอยากยันกับประกาศหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 เช่น กรณียกเว้นกฎหมายผังเมือง ประมง เด็กแว้น ถ้าเห็นว่าคำสั่งเหล่านี้ละเมิดเสรีภาพประกอบอาชีพ จึงต้องการโต้แย้ง ถามว่าอ้างได้ไหม ตอบว่าไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญรับรองความชอบไว้แล้วตลอดกาล

นอกจากนี้ ที่บอกว่า เป็นการปฏิรูปหรือปรองดอง นั้นเป็นการปฏิรูป-ปรองดองข้างเดียว เพราะรัฐธรรมนูญนี้กำหนดให้แพ็คเกจปฏิรูปทั้งหมด ที่รัฐบาล สนช. สปท. เป็นคนทำ ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งทำต่อ

รัฐบาลจากการเลือกตั้งในอนาคตทำได้แค่ เป็น "ม้าใช้" เอาแพคเกจไปใช้ต่อ

หลายคนรับรัฐธรรมนูญเพราะอยากเลือกตั้ง รับเพราะไม่ชอบรัฐบาล คสช. เลย อยากมีรัฐบาลพลเรือนเร็วๆ จะได้ค้าขายต่อ สำหรับคนที่คิดแบบนี้อาจไม่จริง เพราะถ้าผ่านประชามติ ก็อาจยังไม่ได้เลือกตั้ง โรดแมป 15 เดือน อาจยืดได้หดได้ เพราะหัวหน้า คสช. ยังมีอำนาจตาม มาตรา 44 ยังไม่นับว่าต้องร่างกฎหมายลูก 4 ฉบับ เรื่องเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. ซึ่งไม่รู้ว่า สนช.จะเห็นด้วยหรือไม่

รัฐธรรมนูญที่ทำกันอยู่ เป็นเทคนิคการเขียนสิ่งที่อยู่ชั่วคราวเป็นถาวร แปลงระบอบรัฐประหารให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญใหม่ให้หมด นำสิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญในสมัยก่อน ให้ถูกรัฐธรรมนูญหมด ด้วยการใส่ในรัฐธรรมนูญ นำองค์กรนอกรัฐธรรมนูญมาใส่ เขียนถ้อยคำกว้างๆ ให้องค์กรอิสระ ศาลเข้ามาตีความ

คณะนิติราษฎร์จึงไม่รับร่างนี้ เพราะรับแล้วเท่ากับเรายอมรับให้สิ่งผิดปกติ กลายเป็นสิ่งปกติ ทำให้สภาวะยกเว้นกลายเป็นสภาวะปกติ ทำให้เรื่องชั่วคราวกลายเป็นถาวร ทำความจำเป็นสองปีให้กลายเป็นถาวรตลอดกาล

ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่าน ผู้ทรงอำนาจในความเป็นจริงควรยุติบทบาททำร่างรัฐธรรมนูญและคืนอำนาจสูงสุดให้ประชาชน กลับไปกำหนดชะตาชีวิตว่าจะออกแบบบรัฐธรรมนูญตามที่ต้องการอย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.