ทนายยื่นฟ้องแทนชาวบ้านหลายพันรายกรณีเหมืองทองคำ จ.พิจิตร
วันนี้ 27 พ.ค. ที่ศาลแพ่ง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ทนายความจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ยื่นฟ้องและขออนุญาตฟ้องคดีแบบกลุ่ม (Class Act) แทนชาวบ้านหลายพันรายในตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร และจากตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) โดยอ้างข้อมูลทางวิชาการที่ตรวจพบสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน และพบสารเคมีปนเปื้อนในพื้นที่ชุมชน ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนวันที่ 8 ก.ค.นี้
นายสมชาย อามีน ทนายความเจ้าของคดี เผยกับบีบีซีไทยว่า การยื่นฟ้องครั้งนี้เป็นการฟ้องตาม พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ที่อ้างเหตุว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากเหมืองทองคำดังกล่าว โดยมีข้อมูลทางวิชาการประกอบ อาทิ ผลตรวจพบสารโลหะหนัก เช่นพบไซยาไนด์ในพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งมีความคล้ายคลึงกันกับของที่พบในบ่อเก็บกากแร่ของบริษัทฯ หรือผลเลือดของชาวบ้านที่มีค่าโลหะหนักเกินระดับมาตรฐาน อีกทั้งพืชผักและบ่อน้ำตื้นมีสารพิษปนเปื้อนทำให้ไม่สามารถบริโภคได้
นายสมชาย ระบุว่า การฟ้องเป็นการฟ้องคดีแบบกลุ่ม ซึ่งเป็นรูปแบบการฟ้องคดีที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่จะช่วยเอื้อความสะดวกให้ผู้เสียหายจำนวนมากที่มีผลกระทบคล้ายๆ กัน จากเดิมที่ทุกคนจะต้องยื่นฟ้องและนำสืบคดีเป็นแต่ละราย แต่การฟ้องลักษณะนี้มีโจทก์คนเดียว โดยมีพยานซึ่งเป็นผู้เสียหายชัดเจนและผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คน นับเป็นการร่นกระบวนการทางกฏหมาย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ปี
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีรับทราบมติจาก 4 กระทรวง ในการยุติสัมปทานเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ โดยต่อใบอนุญาตให้บริษัทอัคราฯ ประกอบกิจการได้ถึงสิ้นปีนี้ และให้บรรเทาความเดือดร้อนพนักงานด้วย ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ขออุทธรณ์คำสั่ง เพื่อให้การทำเหมืองดำเนินการต่อไป โดยให้เหตุผลว่าเหมืองทองสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล และทำให้พนักงานกว่า 5,000 คนที่ได้รับโอกาสในการทำงานใกล้บ้าน
(ภาพประกอบจากเครือข่าย)

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.