เผยประชากรโลกกว่า 45 ล้านคน ตกเป็นเหยื่อการใช้แรงงานทาส
ผลการศึกษาของมูลนิธิ Walk Free Foundation ในออสเตรเลีย ซึ่งจัดทำดัชนีสถานการณ์แรงงานทาสทั่วโลก (Global Slavery Index ) ประจำปีนี้เผยว่า มีผู้ใหญ่และเด็กกว่า 45 ล้านคนทั่วโลก ยังคงตกเป็นเหยื่อการใช้แรงงานทาสยุคใหม่ ซึ่งเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อสองปีก่อน ถึงร้อยละ 28 โดยสองในสามของคนกลุ่มนี้อยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
จากการสำรวจพบว่า อินเดียมีจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อการใช้แรงงานทาสสูงสุดของโลกที่ 18.35 ล้านคน อันดับรองลงมายังคงเป็นประเทศในเอเชีย ได้แก่จีน ปากีสถาน บังกลาเทศ และอุซเบกิซสถาน ตามลำดับ ส่วนเกาหลีเหนือมีกรณีการบังคับใช้แรงงานทาสมากครั้งที่สุด และรัฐบาลเกาหลีเหนือมีการตอบสนองเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานทาสต่ำสุด โดยเกาหลีเหนือยังคงเป็นประเทศเดียวในโลก ที่ไม่ได้กำหนดให้การใช้แรงงานทาสเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ในส่วนของประเทศไทยนั้น ผลการสำรวจพบว่า มีจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่อการใช้แรงงานทาสยุคใหม่อยู่ราว 425,500 คน โดยเฉพาะในภาคการประมงและการค้าบริการทางเพศ ส่วนรัฐบาลไทยมีการตอบสนองแก้ไขปัญหานี้ในระดับ B คือได้คะแนนในช่วง 40-49.9 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน
คณะผู้จัดทำดัชนีสถานการณ์แรงงานทาสทั่วโลก ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ เช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในยุโรป ซึ่งมีคะแนนการจัดการแก้ไขปัญหาแรงงานทาสที่ดีอยู่แล้ว ให้ดำเนินการกวดขันมากขึ้น โดยไม่สนับสนุนสินค้าที่ผลิตจากแรงงานทาสในต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้ ดัชนีสถานการณ์แรงงานทาสทั่วโลก จัดทำขึ้นโดยการสัมภาษณ์แหล่งข้อมูล 42,000 คน ใน 167 ประเทศ เพื่อประเมินถึงความรุนแรงของสถานการณ์แรงงานทาสและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลชาติต่าง ๆ โดยการสำรวจครั้งนี้ได้นิยามถึงการบังคับใช้แรงงานทาสยุคใหม่ว่า หมายถึงสถานการณ์ที่บังคับให้บุคคลไม่สามารถผละจากการใช้แรงงานได้ เนื่องจากการข่มขู่ หลอกลวง หรือการใช้ความรุนแรงต่าง ๆ เช่นกรณีแรงงานทาสในเรือประมง ผู้ช่วยแม่บ้านที่ถูกกักขังทุบตีโดยไม่ได้รับค่าแรง หรือผู้ที่ถูกบังคับค้าประเวณี
แสดงความคิดเห็น