เอเอฟพี - ผู้นำเกาหลีเหนือถือโอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับปีใหม่ 2017 ประกาศว่าโครงการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) คืบหน้าถึง “ขั้นสุดท้าย” ใกล้ความสำเร็จเข้ามาทุกขณะ พร้อมระบุว่าเปียงยางได้มุ่งมั่นศักยภาพด้านการป้องปรามนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2016 จนมีความแข็งแกร่ง

       คำปราศรัยความยาว 30 นาทีของผู้นำ คิม จอง อึน เน้นหนักไปที่ความสำเร็จในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์และขีปนาวุธชนิดต่างๆ ตลอดปีที่ผ่านมา

       “การทดสอบระบบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปได้ดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว” คิม กล่าว

       ผู้นำโสมแดงเผยด้วยว่า รัฐคอมมิวนิสต์โดดเดี่ยวของเขาได้ผงาดเป็น “มหาอำนาจนิวเคลียร์” แล้ว และขณะนี้ก็เป็น “มหาอำนาจด้านการทหารในโลกตะวันออก ที่แม้แต่ศัตรูที่เข้มแข็งที่สุดก็ไม่อาจแตะต้องได้”

       เกาหลีเหนือทดสอบนิวเคลียร์ 2 ครั้ง และยังนำขีปนาวุธรุ่นต่างๆ ออกมาทดลองยิงเป็นว่าเล่นในปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การสร้างระบบขีปนาวุธที่สามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ไปโจมตีได้ถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ

       “ปีที่ผ่านมามีความสำเร็จหลายอย่างที่ทำให้แสนยานุภาพของเราเกรียงไกรยิ่งกว่าเก่า รวมถึงการเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”

       ผู้เชี่ยวชาญยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องความก้าวหน้าของโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และเปียงยางก็ยังไม่เคยนำขีปนาวุธ ICBM ออกมายิงให้ทั่วโลกประจักษ์ในความสำเร็จ

       อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ทุกคนเห็นตรงกันว่า เทคโนโลยีของโสมแดงก้าวหน้าไปอย่างมากนับตั้งแต่ คิม จอง อึน ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสูงสุดต่อจากบิดาเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2011

       เดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมของสหรัฐฯ เตือนว่า เกาหลีเหนือค้นพบวิธีติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์บนจรวด และยิงมันออกไปได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่สามารถบังคับให้จรวดย้อนกลับเข้ามาในชั้นบรรยากาศ และโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเท่านั้น


        หลายฝ่ายเริ่มวิตกกังวลว่าเกาหลีเหนืออาจแสดงพฤติกรรมยั่วยุหนักขึ้น หลังจากประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ถูกรัฐสภาลงมติถอดถอนเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้โซลตกอยู่ภายใต้การบริหารของผู้นำชั่วคราว คือ นายกรัฐมนตรี ฮวาง เคียว-อันห์

       ในเรื่องความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้นั้น ผู้นำคิมกล่าวว่า เปียงยางพร้อมที่จะ “จับมือกับใครก็ตามที่มีเจตนาฟื้นฟูความสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-ใต้ให้ดีขึ้น” แต่ขณะเดียวกันก็ประณามโซลว่าเป็นต้นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ “เลวร้ายลงถึงที่สุด”

       “เราจะต้องบดขยี้ความพยายามของกลุ่มที่ขัดขวางการรวบรวมชาติ เช่น พัค กึน-ฮเย”

       ผู้นำคิมยังเรียกร้องให้เกาหลีใต้ยุติการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่บั่นทอนความสัมพันธ์สองเกาหลีเรื่อยมา

       “ตราบใดที่พวกเขายังไม่หยุดซ้อมรุกรานประจำปี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) ก็จะต้องพัฒนาศักยภาพในการป้องกันตนเองและการโจมตีก่อน (pre-emptive striking) ยิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ โดยจะเน้นหนักไปที่การสร้างกองกำลังนิวเคลียร์”

       คิม ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ “ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และยุตินโยบายก้าวร้าวต่อเกาหลีเหนือ” ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตรงๆ

       วอชิงตันเคยประกาศย้ำหลายครั้งว่าจะไม่มีวันยอมให้เกาหลีเหนือกลายเป็นรัฐนิวเคลียร์ แต่ตัวของ ทรัมป์ เองนั้นไม่เคยระบุอย่างชัดเจนว่าจะมีนโยบายต่อเกาหลีเหนืออย่างไร

       “เกาหลีเหนือเจตนายกเรื่องขีปนาวุธ ICBM มากดดันรัฐบาลทรัมป์โดยตรง” คิม ยอง-ฮยุน อาจารย์ด้านเกาหลีเหนือศึกษาจากมหาวิทยาลัยดองกุกในกรุงโซล ให้ความเห็น

       “ถ้าสหรัฐฯ ยังขืนใช้นโยบายข่มขู่เกาหลีเหนือต่อไป พวกเขาอาจนำ ICBM ออกมายิงทดสอบตั้งแต่ครึ่งแรกของปีนี้เลยก็เป็นได้”

       แท ยอง-โฮ อดีตเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำอังกฤษซึ่งตัดสินใจหลบหนีมายังกรุงโซลเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ระบุว่า ผู้นำคิมตั้งใจจะฉวยโอกาสช่วงที่มีการผลัดเปลี่ยนตัวผู้นำในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ในปี 2017 เร่งรัดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.