Posted: 21 Dec 2017 04:00 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)


“พวกนี้เป็นพวกทักษิณ เพราะปกป้องสิ่งที่ทักษิณทำ”“เป็นพวกจ้องล้ม คสช.”“สมน้ำหน้าพวกสลิ่มที่เรียกทหารออกมา”“เป็นกลุ่มเอ็นจีโอที่กลัวเสียผลประโยชน์จากเงินกองทุนของ สปสช.”“ก็แค่พวกตระกูล ส. ที่ออกมาปกป้องกันเอง”
ฯลฯ

เลี่ยงไม่ได้เลย เมื่อความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาจะทำให้ ‘กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ’ ถูกมองจากทุกสีว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกับตน

ทว่า หากพิจารณาลงไปในเนื้อหาสาระแล้ว ‘กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ’ กำลังปกป้องแนวคิดพื้นฐานของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ภาคประชาชนเมื่อเกือบ 2 ทศวรรษก่อนร่วมกันวางรากฐานกับ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ และนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ให้ถูกทำลาย แนวคิดรัฐสวัสดิการ แนวคิดที่ว่าคนเท่ากัน ไม่ว่ารวยหรือจนต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเสมอภาค

เพราะถ้านับว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 (ที่ถูกฉีกไปแล้ว) คือเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญต่อการเมืองและประชาธิปไตยไทย พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่ทำให้เกิดหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็ต้องนับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ต่อเนื่องตามมา

ทำไม?

ไม่ใช่เพราะมันทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับคะแนนเสียงถล่มทลาย ทำให้ทักษิณ ชินวัตรเข้าไปนั่งในหัวใจคนรากหญ้าจำนวนมาก ไม่ใช่เลย แม้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่าหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ทักษิณไม่ใช่เจ้าของมัน

ไม่ใช่เพราะมันทำให้เห็นว่า การปฏิรูประบบบริหารราชการที่เปลี่ยนจากข้าราชการเป็นใหญ่แล้วหันมาใช้วิธีบริหารจัดการใหม่ที่ให้ประชาชนเป็นตัวตั้งนั้น เป็นไปได้

หรือเพราะทำให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพโดยไม่เลือกยากดีมีจน ช่วยผู้คนนับล้านให้รอดตายจากโรคภัยไข้เจ็บ ปกป้องผู้คนอีกนับล้านจากโรคยากจนเฉียบพลันหรือต้องล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาล แน่นอนว่าข้อนี้ไม่ผิด

แต่หากกล่าวอย่างถึงที่สุด หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าคือหมุดหมายแรกๆ ที่ทำให้สังคมและประชาชนไทยเริ่มทำความรู้จักกับ ‘รัฐสวัสดิการ’ และตระหนักชัดเจนขึ้นทุกขณะว่าการเข้าถึงการรักษาพยาบาลคือ ‘สิทธิ’ ที่รัฐมี ‘หน้าที่’ ต้องจัดหาให้แก่ประชาชน ผิดกับภาพในอดีตที่ประชาชนต้องเป็นฝ่ายค้อมตัวต่ำและแบมือขอการสงเคราะห์จากรัฐ

แต่การเกิดขึ้นของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสั่นสะเทือนวงการสาธารณสุขไทยทุกองคาพยพ มีหลายกลุ่ม หลายฝ่ายไม่ชื่นชอบมัน มันทำให้ผลประโยชน์ – ในที่นี้หมายถึงทั้งในรูปทรัพย์สิน อุดมการณ์ความเชื่อ หรืออภิสิทธิ์ที่ได้รับจากระบบราชการ - ที่เคยดำรงอยู่ต้องสั่นคลอน ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจึงถูกจ้องโจมตีและบ่อนทำลายเรื่อยมา

ในรอบปี 2560 ภายใต้การนำของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการเติบโตของรัฐราชการ เราได้เห็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าถูกบ่อนเซาะอย่างหนักหน่วงจากหลายทิศทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ตั้งแต่ในระดับกฎหมายสูงสุดของประเทศ นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล เช่น บัตรคนจน การลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันสุขภาพ ไปจนถึงการพยายามแก้กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อประมวลเหตุการณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน จะเห็นแนวโน้มความพยายามทำลายหลักการของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างชัดเจน

รัฐสวัสดิการค่อยๆ ถูกแปลงร่างอย่างช้าๆ และเนียนๆ กลับไปเป็น ‘รัฐสงเคราะห์’ ประชาชนถ้าไม่พึ่งตัวเองก็ต้องแบบมือขอจากรัฐ รัฐจะไม่ดูแลทุกคนอย่างเสมอหน้า จะเลือกดูแลเฉพาะบางกลุ่มที่ถูกตีตราความจนเท่านั้น

‘กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ’ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งเด็ก คนหนุ่มสาว คนสูงอายุ คนที่รอดตายและรอดพ้นการล้มละลายเพราะระบบหลักประกันฯ และอีกมากหน้าหลายตา พวกเขารวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหว เฝ้าระวัง ปกป้อง และยันสถานการณ์เอาไว้อย่างสุดกำลัง เจรจาต่อรอง เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้กฎหมาย ชุมนุมประท้วง ยื่นหนังสือ ทวงถามความคืบหน้า จัดเวทีเสวนาให้ความรู้ ล้มเวทีรับฟังความคิดเห็นที่จัดขึ้นเป็นเพียงพิธีการบังหน้า แม้แต่การนอนขวางให้ข้ามหัวเพื่อยับยั้งการรับฟังความคิดเห็นที่ขาดความชอบธรรม

เชื่อได้ว่าสถานการณ์ในปีหน้า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะยิ่งเผชิญการคุกคามที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า ‘กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ’ กำลังยืนขวางระหว่างรัฐบาลและกลุ่มคนที่ต้องการทำลายกับผู้คน 48 ล้านคนที่ได้รับการดูแลหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และคอยย้ำเตือนว่าการรักษาพยาบาลคือสิทธิของประชาชนที่รัฐไม่อาจพรากมันไปได้

‘ประชาไท’ จึงเลือกให้ ‘กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ’ เป็นบุคคลแห่งปี 2560 ในฐานะ “ภูมิคุ้มกันสวัสดิการสุขภาพเพื่อทุกคน”
[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.