'ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิ-สมาคมสิทธิเสรีภาพ' ร้องจนท.ยุติดำเนินคดีต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือ คสช. โดยสุจริตรวมถึงกรณี ร.ท.หญิง สุณิสา หวังรักษากระบวนการยุติธรรมไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือผู้มีอำนาจ และบังคับใช้กฎหมายอย่างสุจริตคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน
ร.ท.หญิง สุณิสา (คนกลาง) ขณะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 3 กระทง เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา (ที่มาภาพ Banrasdr Photo)
25 ธ.ค. 2560 จากกรณี่ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เข้าแจ้งความว่า ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง (เลิศภควัต) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และรัฐบาล เป็นการกระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามมาตรา 14 พระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา รวม 2 คดี 9 ข้อความ และยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกเป็นคดีที่ 3 นั้น
วานนี้ (25 ธ.ค.60) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) มีได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติการดำเนินคดีต่อบุคคลซึ่งวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือ คสช. โดยสุจริตรวมถึงกรณี ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง เพื่อรักษากระบวนการยุติธรรมไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ และบังคับใช้กฎหมายอย่างสุจริตเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน
หมวดเจี๊ยบรับทราบข้อหาอีก 3 กระทง ผิด พ.ร.บ.คอมฯ-ยุยงปลุกปั่น โพสต์โจมตีประยุทธ์
นักการทูตยันไปสังเกต ‘หมวดเจี๊ยบ’ รับทราบข้อกล่าวหาจริง หลัง ปอท.ร่อน จม.ตรวจสอบ
'หมวดเจี๊ยบ' เข้าพบ 'ปอท.' รับทราบข้อหายุยงปลุกปั่น หลัง คสช.ฟ้อง โพสต์อัดประยุทธ์
ทั้ง 2 องค์กรสิทธิยังออกความเห็น 3 ประเด็น ประกอบด้วย
ข้อ 1. ตลอดระยะเวลา 3 ปี 7 เดือน ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ ได้ใช้กลไกกฎหมายในการควบคุมการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน และมาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาตินำมาบังคับใช้อย่างกว้างขวางเพื่อปิดกั้นและคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน แม้คดีจะไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าวก็ตาม อาทิเช่น คดีขันแดง คดีโพสต์แผนผังราชภักดิ์ คดีโพสต์กล่าวหาพลเอกประยุทธ์โอนเงินไปต่างประเทศ หรือคดีของประวิตร โรจนพฤกษ์ ล้วนเป็นการดำเนินคดีเพื่อให้ประชาชนหยุดวิพากษ์วิจารณ์ คสช. หรือรัฐบาล เช่นเดียวกับกรณี ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง ซึ่งถูกฝ่ายกฎหมายของ คสช. ดำเนินคดีเพื่อให้ยุติการวิจารณ์รัฐบาล
ข้อ 2. ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีของพันธกรณีระหว่างประเทศหลายฉบับ มีพันธกิจที่ต้องปฏิบัติตาม โดยรัฐไทยต้องรับรอง เคารพ คุ้มครอง และส่งเสริมให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพนั้นได้อย่างไม่เลือกปฏิบัติ สอดคล้องกับข้อ 19 แห่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งรับรองว่า บุคคลมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง รทั้งนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติยังเคยมีข้อสังเกตเชิงสรุปต่อประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ว่า รัฐไทยควรงดเว้นการใช้พระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอาญาเพื่อปราบปรามการแสดงความเห็นในเชิงวิพากษ์วิจารณ์และไม่เห็นพ้องกับรัฐ
ข้อ 3. เสรีภาพในการแสดงออกเป็นหัวใจสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของบุคคลใดก็ตามซึ่งใช้ภาษีในการบริหารประเทศ การที่บุคคลอย่างในกรณีล่าสุดคือ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง ใช้เสรีภาพในการแสดงออกของตนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนของคณะรัฐประหารดำเนินคดีด้วยมาตรา 116 นั้น เป็นเครื่องบ่งชี้อันสำคัญว่าการประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติในปี 2561-2562 ของรัฐไทยไม่เกิดผลได้จริง และการรักษากฎหมายตามที่ คสช. กล่าวอ้าง แท้แล้วคือการใช้กฎหมายเป็นอำนาจในการบั่นทอนหลักนิติรัฐของประเทศไทย
[right-side]
แสดงความคิดเห็น