เกษียร เตชะพีระ : ตัดเกรด รธน. มีชัย ได้ F
เกษียร กล่าวในงานเสวนาวิชาการ "รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้" ว่า หลังอ่านร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับมีชัย ทั้งฉบับ 16 หมวด 279 มาตรา 105 หน้าแล้ว คงให้เกรด D และถ้ารวมบทเฉพาะกาล แล้วคงให้ F
ต่อให้อ่านรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้ว น่าตกใจว่าไม่พอที่จะเข้าใจมันทั้งหมด จะเข้าใจได้ ต้องเอาตัวบททั้งฉบับไปเชื่อมโยงกับอย่างอื่น เช่น ที่อ.เดชรัต หรือคุณบารมี ไปเชื่อมโยงกับฉบับอื่น ผมจะโยงกับประวัติศาสตร์ ระบบความคิด ระเบียบอำนาจโดยรวมที่ล้อมรัฐธรรมนูญอยู่
มี 4 เรื่องดังนี้
1."มองยาว" โยงกับสิบปีของวิกฤตการเมืองไทย เป็นสิบปีของความพยายามเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบที่ไม่ประชาธิปไตย
2."มองลึก" เชื่อมโยงกับแนวคิดประชาธิปไตยแบบไทยๆ
3."มองเป็นระบบ" เชื่อมโยงกับระเบียบอำนาจที่ คสช. พยายามสร้างขึ้นในสองปีที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏอยู่ในคำว่า "ปฏิรูป" "ยุทธศาสตร์ชาติ" "มาตรฐานทางจริยธรรม"
4. มองไปข้างหน้า
00000
1."มองยาว" สิบปีที่ผ่านมา 2549-2559 หลายรัฐบาล หลายร่างรัฐธรรมนูญ หลายประท้วงใหญ่ มีรัฐประหารสองครั้ง มีความพยายามของผู้นำเปลี่ยนผ่านประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งส่วนตัวไม่เข้าใจว่ามีการเปลี่ยนผ่านมากมายแต่ทำไมไปไม่ถึง
มันจะเมคเซ้นส์มาก ถ้าเข้าใจว่าพยายามเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบ "ไม่ประชาธิปไตย"
แน่นอนว่าระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐบาลสมัยทักษิณ ยิ่งลักษณ์ มีปัญหา เพราะเสียงข้างมากได้อำนาจแล้วบิดเบือนฉวยใช้โดยมิชอบ สมัยยิ่งลักษณ์ มีการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง สมัยทักษิณ มีประเด็นภาคใต้ และสงครามยาเสพติด
แต่แนวโน้มที่ผ่านมา แก้โดยสร้างอำนาจนิยมของระบบราชการ อำนาจนิยมของเสียงข้างน้อยไปแก้ แต่ยิ่งเพิ่มปัญหาเท่าตัว เป็นการแก้ปัญหาความบกพร่องประชาธิปไตยโดยทำให้ประชาธิปไตยน้อยลง เอาอำนาจไปให้กับระบบราชการ ทำให้ยิ่งแตกแยกกว่าเก่า
ยกตัวอย่าง ข้อเสนอสภาเลือกตั้ง 30% แต่งตั้ง 70% ของสนธิ ลิ้มทองกุล และ พันธมิตรฯ สภาเลือกตั้ง 0% แต่งตั้ง 100% ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ กปปส.
ที่เขาพยายามจะทำ พูดอย่างเป็นรูปธรรม เขาอยากสร้างระบบที่มีการเลือกตั้ง แต่สถาบันที่มาจากเสียงข้างมากจากเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. พรรคใหญ่ ต้องอยู่ใต้การกำกับควบคุมของสถาบันเสียงข้างน้อยที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เช่น ตุลาการ องค์กรอิระ กองทัพ ข้าราชการประจำ วุฒิสภาแต่งตั้งและคณะกรรมการสรรหา
ความต่างระหว่างร่างบวรศักดิ์กับฉบับมีชัย อยู่ที่ว่าจะเอาอำนาจจากสถาบันเลือกตั้งเสียงข้างมาก ไปแปะที่ไหนให้ใคร จะให้ใครได้ไป
ร่างบวรศักดิ์ ให้คนดีและเอ็นจีโอ ส่วนร่างมีชัย เอาไปให้ตุลาการภิวัตน์และวุฒิสภาจากการสรรหา ส่วนข้อแก้ไขเพิ่มเติมของ คสช. จะเอาอำนาจแปะให้กองทัพและวุฒิสภาจากการแต่งตั้งในห้าปีแรก แต่ทั้งหมดเทรนด์เดียวกัน คือลดประชาธิปไตยแทนการเพิ่
2."มองลึก" ปมอยู่ที่ความคิด "ประชาธิปไตยแบบไทย"
มีชัยให้สัมภาษณ์นักข่าวญี่ปุ่น หลังเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญว่า แนวคิดประชาธิปไตยของเขายึดตามหลักการของพุทธทาสภิกขุ คือ อำนาจจะต้องเป็นสำหรับประชาชน แต่อำนาจต้องรับใช้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของประชาชน กล่าวคือความคิดประชาธิปไตย มีอำนาจเพื่อประชาชน แต่ไม่ใช่โดยพวกมึง (ประชาชน) เพราะพวกมึงยังโง่อยู่
ถ้ามองลึก ความคิดชี้นำเบื้องหลังคือ แนวคิดประชาชนบ้าบอ เห็นแก่ตัว ไม่มีความรู้ ดังนั้น ประชาธิปไตยคือการปกครองเพื่อประชาชน แต่โดยประชาชนไม่ได้
3."มองอย่างเป็นระบบ" เมื่ออ่านร่างจบแล้ว รู้สึกว่า นี่มันรัฐธรรมนูญที่สะท้อนให้เห็น "รัฐพันลึก" โดยพื้นผิวแล้วร่างรัฐธรรมนูญพูดเรื่องสิทธิชุมชน ประชาชนเสนอร่างกฎหมาย ป้องกันคอร์รัปชัน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่เมื่อถึงจังหวะคับขัน โครงสร้างอำนาจส่วนลึกของรัฐราชการไทยจะโผล่ขึ้นบนผิวน้ำทันที อำนาจตรวจสอบแต่งตั้งจะโผล่ขึ้นมา ให้สังเกตคำว่า ยุทธศาสตร์ชาติ ปฏิรูป วุฒิสภา สรรหา คณะกรรมการองค์กรอิสระ คำเหล่านี้ส่งซิกว่ามีอำนาจดุลพินิจ วินิจฉัย ตัดสินการดำรงตำแหน่งของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสัดส่วนของคนที่มาจากการแต่งตั้งมากกว่าเลือกตั้งเสมอ
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องมีถึง 4 ด่าน ขณะที่ในรัฐธรรมนูญ 2550 ขั้นตอนแก้น้อยกว่านี้ยังแก้ไม่ได้ ทั้งหมดแปลว่ายากที่จะสร้างการนำระดับชาติที่เข้มแข็งที่มาจากการเลือกตั้งเสียงข้างมากของประชาชน เพราะถูกรัฐพันลึกยิงตอร์ปิโดใส่
ร่างรัฐธรรมนูญนี้กับระเบียบอำนาจ คสช. เป็นแพ็คเกจเดียวกัน ตอนไปโหวตไม่ใช่การรับ-ไม่รับเฉพาะร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่มันคือการรับ-ไม่รับระเบียบอำนาจ คสช. ด้วย ถ้ายังนึกไม่ออก ให้ลองนึกถึงรายการหกโมงเย็นและรายการพิเศษวันศุกร์
ถ้าเราโชคดี รายการเหล่านี้จะอยู่กับเราไป 20 ปี อาจมีปัญหากับดักรายได้ปานกลาง แต่เราจะประหยัดไฟ (ผู้ฟังหัวเราะ)
ร่างรัฐธรรมนูญนี้พ่วงเอาระเบียบอำนาจใหม่นี้เข้าด้วยกันและแก้ไขได้ยากมาก นอกจากนี้ยังประกันความต่อเนื่องของระเบียบ คสช. ให้อยู่ต่อจนมีรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง ทั้งวุฒิสภาเฉพาะกาล คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติ
สำหรับ "ยุทธศาสตร์ชาติ" นั้น มีการอธิบายสาระสำคัญของร่างว่า มุ่งให้ดำเนินการ 20 ปี สี่รัฐบาล เป็นแม่บทหลักที่เป็นกรอบนโยบาย เบ็ดเสร็จ ครอบทั้งหมด ทั้งนโยบายรัฐสภา ครม. ทั้งยังมีผลผูกพัน รัฐสภา ครม. ทุกสมัย แม้ไม่ได้ให้ความเห็นชอบ ถือว่าเห็นชอบ นี่ยิ่งกว่าแผนสภาพัฒน์ที่ครอบคลุมแค่เศรษฐกิจ สังคม แต่นี่ทุกด้านและมีบทลงโทษด้วย และในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ สัดส่วนฝ่ายแต่งตั้งมากกว่าฝ่ายเลือกตั้ง
ระเบียบอำนาจ คสช. ซึ่งเป็นแพคเกจเดียวกับร่างรัฐธรรมนูญ มีสี่ประการ คือ
1) สถานการณ์ไม่ปกติ ดังนั้น ต้องใช้อำนาจพิเศษ ภาวะยกเว้นที่ปลอดความขัดแย้งทางการเมืองต้องอยู่ใต้อำนาจอาญาสิทธิ์
2) ประชาธิปไตยย้อนยุคใต้การกำกับของสถาบันที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
3) เพิ่มอำนาจบังคับและบทบาทการเมืองของกองทัพ
4) เศรษฐกิจประชารัฐใต้อำนาจนำของรัฐราชการและทุนใหญ่
4,"มองไปข้างหน้า"
- เรามาถึงจุดที่รัฐเข้มแข็งไม่ได้ถ้าสังคมไม่เข้มแข็ง
- รัฐที่ระแวงมองสังคมเสียงข้างมากเป็นศัตรูไม่อาจเข้มแข็งได้และไม่อาจปฏิรูปได้
- ระบอบเดียวที่จะทำให้รัฐและสังคมไทยสนธิพลังร่วมเข้มแข็งไปด้วยกัน ปฏิรูปได้ คือระบอบประชาธิปไตย
- และร่างรัฐธรรมนูญนี้อาจไม่ตอบโจทย์

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.