ว่าด้วยภาษีที่ดินที่สามารถหลบเลี่ยงด้วยการปลูกกล้วยปลูกผักอีกครั้งหนึ่ง (ถ้าภาษีออกมา มีหวังทำการเกษตรปลูกกล้วยกันทั้งประเทศได้แจกกล้วยกันสนุก)

ยืนยันนะ ผมอยากเสียภาษีจนตัวสั่น บ้านผม ถ้าคิดอัตราเดิมตามสมหมาย ภาษี ก็เสียแค่พันกว่าบาท จะอะไรนักหนา ผมเสียพันกว่าบาท แต่บ้าน 20-30-40 ล้านเสียมากกว่าผมหลายเท่า ไหงออกมากลับไม่เสียซักบาท ในขณะที่ตึกแถว ล้านเดียวก็เสีย คนมีบ้าน 2 หลัง ราคารวมกันแค่ 2-3 ล้านก็เสีย คนมีที่ดินเปล่า 50 ตารางวาก็เสีย แต่บ้าน 49 ล้านไม่เสีย นี่มันไม่เป็นธรรม

พูดกันดีนัก รัฐบาลนักการเมืองไม่มีวันกล้าเก็บภาษีที่ดิน แล้วรัฐบาลทหารเป็นไง เกรงใจคนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี ตอนสมหมายจะเก็บภาษีบ้าน 2 ล้านขึ้นไป คนที่โวยวายคือมนุษย์เงินเดือน ซึ่งอย่างเก่งก็ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้าน แต่อภิศักดิ์มาเปลี่ยน ให้อภิสิทธิ์ไปถึงบ้าน 49 ล้าน คิดได้ไง ที่ดินการเกษตรเก็บ 50 ล้านขึ้นไป ชาวนาที่ไหนหว่า มีที่ราคา 49 ล้าน

ถ้าพูดด้วยหลักความเป็นธรรม มันควรเก็บทั้งหมดแหละ ไม่งั้นก็ไม่เป็นธรรมกับคนไม่มีที่ดิน ซึ่งมีมากกว่าคนถือครองที่ดินเสียอีก เพียงแต่บ้านอยู่อาศัยราคาไม่แพง ก็เก็บต่ำหน่อย ที่จริงโสภณ พรโชคชัย ให้ไอเดียดีกว่าผมอีก คือในอีกมุมหนึ่ง มันทำให้ทุกคนต้องเสียภาษีเข้า อปท.แล้วจะได้รู้สึกมีส่วนร่วม เฮ้ย เทศบาล อบต. มันเอาเงินเราไปใช้นี่หว่า ต้องสนใจตรวจสอบ

หลักความเป็นธรรมเป็นเบื้องต้น ขณะเดียวกันก็ต้องถือหลักไม่เพิ่มภาระให้การจัดเก็บ ไม่เพิ่มกำลังคน ฉะนั้นอย่าไปแยกประเภทมากให้ต้องยุ่งยากตีความ ให้ต้องใช้ดุลพินิจ ให้ต้องทะเลาะกับชาวบ้าน สมมติเช่น บ้าน ตึกแถว ทาวน์ออฟฟิศ ไม่ต้องไปนั่งตีความหรือเดินสำรวจว่าอยู่อาศัยด้วยค้าขายด้วยจะแบ่งยังไง วิธีง่ายๆ คิดถัวเหมือนกันหมด (ถ้าทำการค้าเขาเสียภาษีการค้าอยู่แล้วครับ) แล้วพวกตึกหลายคูหา พวกอาคารใหญ่ ค่อยไปคิดอัตราต่างกัน

ไม่งั้น เก็บภาษี 6 หมื่นล้าน จ้างคนเพิ่ม 3 หมื่นล้าน เดือดร้อนชาวบ้านเปล่าๆ
000000
ภาษีแจกกล้วย
ใบตองแห้ง

ถ้าคุณมีที่ดินพันล้านกลางกรุง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่บังคับใช้ จะทำไง ถามได้ ก็ปลูกไม้ดอกไม้ผลสิครับ หรือถ้าอยากเท่ ก็ทำเกษตรอินทรีย์ เรียกทีวีมาออกข่าว ส่งลูกสาวไปเรียนเมืองนอก แต่กลับมาอยากปลูกผักกางมุ้งกลางดงตึกสูง เย้ยทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ไม่เห็นจะยาก เพราะคิดสะระตะ เพดานภาษี 5% เริ่มต้นเสีย 1% ก็ 10 ล้าน คิดค่าจ้างแรงงานบวกค่าเชิญ "ปราชญ์ชาวบ้าน" มาโชว์ตัวแถลงข่าว ก็เหลือจะคุ้ม ได้ผักกางมุ้งไปแจกแวดวง ไฮโซอีกต่างหาก

ตรงกันข้าม คนชั้นกลางชาวกรุงมีที่ดินทิ้งร้าง 50-100 ตารางวา อยู่ในซอยลึก ปักป้ายขึ้นราขายไม่ออก นี่สิจะ เดือดร้อน เพราะราคาประเมินเป็นล้าน เสียภาษี 1% ก็เป็นหมื่น คงต้องไปถามกระทรวงการคลัง ปลูกกล้วยน้ำว้าถือเป็นการเกษตรไหม ถ้าไม่ยอมรับ ก็ขนกล้วยไปแจกเลย เพราะบ้านข้างๆ คฤหาสน์ 3 ไร่ 49 ล้านกลับไม่เสียภาษี

นี่สิตลกร้าย ออกกฎหมายทั้งทีมัวขี้เกรงใจ ยุคสมหมาย ภาษี จะเก็บบ้าน 2 ล้านขึ้นไป คนชั้นกลางโวยวาย รัฐมนตรีอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ เลยให้อภิสิทธิ์ เปลี่ยนเป็นเก็บ 50 ล้านขึ้นไป

สื่อตีข่าวกันใหญ่ "เก็บภาษีคนรวย" อ้าว แล้วตึกแถว อาคารพาณิชย์ ร้านขายของชำ ทำไมต้องเสีย 0.3% ตั้งแต่บาทแรก คนมีบ้าน 2 หลังราคา 3 ล้านกับ 2 ล้าน ทำไมต้องเสีย 0.03% ตั้งแต่บาทแรก คนมีบ้าน 2 หลังยุคปัจจุบันไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศนะครับ มีเยอะไปที่บ้านชานเมืองต้องซื้อคอนโดฯอยู่ใกล้ที่ทำงาน มีเยอะไปที่ภูมิลำเนาต่างจังหวัด แล้วต้องซื้อบ้านอีกหลังมาทำงานกรุงเทพฯ

ทำไมคนเหล่านี้เสียภาษี ทำไมบ้าน 49 ล้านไม่เสียภาษี ถ้าเห็นใจคนชั้นกลางผ่อนบ้านผ่อนรถทั่วไป ถามหน่อย "มนุษย์เงินเดือน" ส่วนใหญ่ซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ ก็ไม่เกิน 5 ล้าน 10 ล้าน ทำไมยกเว้นไปถึง 49.99 ล้าน ท่านคุยว่าทั่วประเทศมีบ้านไม่เกิน 50 ล้านได้ยกเว้นภาษีถึง 99.96% ทำไมไม่บอกบ้างว่าบ้านไม่เกิน 10 ล้านมีกี่เปอร์เซ็นต์ เผลอๆ ก็อยู่แถว 99% เหมือนกัน

หรือที่ดินรกร้างตามชนบท 5 ไร่ 10 ไร่เสียภาษี แต่ทำไมที่ดินเกษตรต้อง 50 ล้านขึ้นไปจึงเสียภาษี โห บ้านใครมีที่นาราคา 49 ล้านบ้าง ยกมือขึ้น ถ้า 20 ล้านยังพอเป็นไปได้ ที่มรดกพ่อยกให้บังเอิญถนนตัดผ่าน คิดแบบนี้ที่ดินเจ้าสัวกว้านซื้อก็แบ่งซอยได้สบายไป ส่วนพวก 5 ไร่ 10 ไร่ ก็ต้องปลูกกล้วยอีกนั่นแหละ กล้วยหักมุก กล้วยไข่ กล้วยตานีใบหวีเหี่ยว คงเหลือเฟือแจกกันทั่วไป

ปัญหาที่ตามมา ภาครัฐยังต้องมีคนไล่ประเมิน ไล่เก็บ ไล่จับ ไม่ง่ายนะครับ บ้าน 49.99 ล้านไม่เสียภาษี แต่ถ้าประเมินราคาเป็น 50.01 ล้านเสียทันที 25,000 บาท ที่ดินรกร้างถ้าหัวหมอปลูกกระต๊อบหรือตั้งบ้านน็อกดาวน์ จะตีความอย่างไร ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ใช้ทั้งพาณิชย์ทั้งอยู่อาศัย จะเสียเท่าไหร่ ฯลฯ ไม่เพียงต้องใช้กำลังคน แต่จะเกิดปัญหาโต้เถียง อุทธรณ์ ฟ้องศาลปกครอง การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจ ก็จะเกิดกรณีเกรงใจ อุปถัมภ์ ไปจนถึงทุจริต

อ๊ะพูดอย่างนี้ไม่อยากเสียภาษีใช่ไหม เปล่าเลยครับ อยากเสียต่างหาก บ้านผมอยู่มา 20 ปีตีราคายังไงก็เกิน 2 ล้านแต่ไม่เกิน 5 ล้าน ถ้าคิดสูตรปู่สมหมายก็เสียพันกว่าบาท อยากเสียจนตัวสั่น และอยากให้คนมีบ้านหลังใหญ่ กว่าผม 20-30-40 ล้านเสียด้วยเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นก็ ไม่เป็นธรรม

ภาษีที่ดินควรเริ่มต้นจากคำนึงถึง ความเป็นธรรม ต่อคนส่วนใหญ่ซึ่งไม่มีที่ดินหรือมีน้อย เพราะที่ดินที่มีมูลค่าเพิ่มทุกวัน ไม่ได้เพิ่มจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าของ แต่เพิ่มจากความเจริญซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงของสังคม จากการลงทุนสาธารณูปโภคของรัฐ ฉะนั้น ทุกคนที่มีที่ดินควรเสียภาษีเป็นขั้นบันได มีจุดเริ่มต้นยกเว้นให้แล้วเสียจากต่ำไปสูงแบบภาษีเงินได้ โดยเอาที่ดินที่มีทั้งหมดมาคิดรวมกัน ไม่ใช่แยกรายแปลง

แต่ขณะเดียวกัน รัฐก็ต้องหัดฉลาด มีวิธีคิดที่ไม่เพิ่มภาระให้ตัวเอง ไม่เพิ่มภาระให้หน่วยงาน ต้องลงไปประเมิน ยิบย่อยด้วยอัตราแหกถ่าง ยุ่งยากทั้ง อปท.ทั้งชาวบ้าน ยกตัวอย่าง บ้านอยู่อาศัย ห้องแถว โฮมออฟฟิศ ราคา 5-10 ล้าน ทำไมต้องแยกถ่าง ก็คิดต่ำๆ ถัวกันหมด แล้วแยกประเมินรายใหญ่เท่านั้น

บ้าน 49 ล้านไม่เสียภาษี นี่หรือความเป็นธรรม ที่รกร้างเสีย 1% ถ้าปลูกกล้วยปลูกมะนาวเจ๊ากันไป วิธีคิดแบบนี้ มีหวังกล้วยเต็มประเทศไทย

source : - FB Atukkit Sawangsuk & http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1465560295


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.