บัตรเครดิตเปลี่ยนความสัมพันธ์ของคนเรากับเงินตราไปเพียงใด

เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ธนาคารบาร์เคลย์สเป็นธนาคารแห่งแรกที่นำบัตรเครดิตมาให้บริการแก่ลูกค้าในสหราชอาณาจักร โดยลูกค้าราว 1.25 ล้านคน ได้รับบัตรเครดิตจากธนาคารซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้เงินสดในการจับจ่ายใช้สอยและการชำระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของลูกค้า ไม่เฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางหรือใช้ชำระค่าอาหารในร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้จ่ายทั่ว ๆ ไป ขณะที่ผู้ค้าปลีกหรือภาคธุรกิจก็จะได้ประโยชน์เพราะไม่ต้องเสียเวลามาทำบัญชีลูกค้าอีกต่อไ

6 ปี หลังจากนั้นธนาคารคู่แข่งอื่น ๆ ของบาร์เคลย์ส ไม่ว่าจะเป็น ลอยด์ส แนทเวสต์ และมิดแลนด์ (เอชเอสบีซีในปัจจุบัน) ก็หันมาให้บริการบัตรเครดิตเช่นกัน แต่ตอนนั้นยอดผู้ใช้บัตรของบาร์เคลย์ส ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1.7 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้ใช้บัตรเครดิตซึ่งเป็นทั้งลูกค้าเงินฝากทั่วไปและภาคธุรกิจราว 10.5 ล้านราย

ในปี 2509 ธนาคารบาร์เคลย์สคิดดอกเบี้ยในอัตรา 1.5% โดยลูกค้าจะต้องชำระเงินทุก ๆ สิ้นเดือน วงเงินบัตรเครดิตสูงสุดอยู่ที่ 100 ปอนด์ แต่ในปีถัดไปก็ขยายเวลาให้ชำระเงินภายใน 3 เดือน ปัจจุบันลูกค้าผู้ใช้บัตรสามารถเป็นหนี้ไปได้ตลอดชีวิต ขณะที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นไปอยู่ที่ 18.9% และวงเงินบัตรเครดิตอยู่ที่ 4,000 ปอนด์ (ประมาณ 200,000 บาท)

Payment UK ผู้ให้บริการชำระเงินวิเคราะห์ว่าภายในปี 2564 บัตรเครดิตจะกลายเป็นวิธีชำระเงินที่คนในสหราชอาณาจักรเลือกใช้มากที่สุด ขณะที่สมาคมบัตรเครดิตมองว่าลูกค้าซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวจะเป็นกลุ่มคนที่นิยมใช้บัตรเครดิตประเภทคอนแทคเลส หรือชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ

อย่างไรก็ดี การใช้บัตรเครดิตก็มาพร้อมกับอันตรายจากการเป็นหนี้ คาเรน เวค วัย 55 ปี เล่าว่ามีบัตรเครดิตใบแรกตอนอายุ 18 ปี แต่พออายุได้ 25 ปี ก็มีหนี้พอกพูนถึง 30,000 ปอนด์ (ราว 1.5 ล้านบาท) และต้องทำงานหนักอยู่ 5-6 ปี กว่าจะชำระหนี้ได้หมด

ทุกวันนี้ หลายคนใช้บัตรเครดิตเพราะความสะดวกสบาย โดยชำระเงินคืนทุกสิ้นเดือนเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ย และยังอาจได้รับเงินสดตอบแทนจากการใช้บัตรด้วย อย่างไรก็ดี นายไมค์ โอ คอนเนอร์ ผู้บริหารของ Step Change ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลให้คำปรึกษาด้านหนี้สิน บอกว่า เฉพาะปีที่แล้วปีเดียวต้องแก้ปัญหาให้ลูกค้าบัตรเครดิตถึง 200,000 ราย โดยแต่ละรายมียอดหนี้เฉลี่ย 8,403 ปอนด์ (ราว 400,000 บาท)

เขาเสนอว่าควรมีการปรับเปลี่ยนกฎเพื่อป้องกันไม่ให้คนตกอยู่ในห้วงแห่งการเป็นหนี้ อาทิ เพิ่มยอดชำระขั้นต่ำขึ้นอีก 1-2% ของยอดหนี้ หรือกำหนดอัตราชำระขั้นต่ำที่ตายตัวเพื่อไม่ให้คนสร้างหนี้เพิ่ม ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินให้ลูกค้าได้นับพันปอนด์และร่นระยะเวลาชำระหนี้คืนได้ด้วย ‪#‎CreditCard‬


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.