ผู้เชี่ยวชาญจีนเตือน สหราชอาณาจักรออกจากอียูกระเทือนเศรษฐกิจโลกระยะยาว
รัฐมนตรีคลังของจีน นายหลิว จีเว่ยบอกว่า ผลสะเทือนจากการแยกตัวหนนี้จะปรากฎให้เห็นในอีกห้าถึงสิบปีข้างหน้า ส่วนนายหวง ยี่ผิง กรรมการในคณะกรรมาธิการฝ่ายการเงินของธนาคารชาติจีนบอกว่า การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการที่โลกาภิวัฒน์ก้าวถอยหลัง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แย่ทั้งสำหรับโลกและสำหรับจีน
อย่างไรก็ตาม นายหลิวบอกว่า ยังเป็นเรื่องที่ยากที่จะมองผลกระทบทั้งหมดได้ในขณะนี้ และคาดว่าปฏิกิริยาติดลบจากตลาดหุ้นและตลาดการเงินที่เห็นกันในช่วงปลายสัปดาห์อาจจะหมดไปแล้วก็เป็นได้
เมื่อปีที่แล้ว การลงทุนจากจีนโดยตรงในอังกฤษมีมูลค่าถึง 3,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2548 - 2558 จีนลงทุนเกือบ 30,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้จากตัวเลขของบริษัทเบเคอร์แอนด์แมคแคนซี
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการประกาศผลการลงประชามติออกมา เงินปอนด์ของอังกฤษมีค่าหล่นฮวบลงไป 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 31 ปีก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อย เงินอีกสกุลที่นักลงทุนหันไปหาคือเงินเยนของญี่ปุ่น และเงินปอนด์มีค่าตกไปถึง 11.4% เมื่อเทียบกับเงินเยน ทางการญี่ปุ่นบอกว่าหากจำเป็นก็อาจจะเข้าแทรกแซงตลาด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งชาติของสวิสเซอร์แลนด์ต้องพยายามปรับเงินฟรังก์ของสวิสให้อ่อนตัวลงหลังจากที่ค่าเงินขยับขึ้นไป 2.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทั้งนี้เพราะนักลงทุนหันไปซื้อเงินฟรังก์แทน ส่วนในตะวันออกกลาง ตลาดหุ้นของซาอุดิอาระเบียมีมูลค่าตกไป 3.7%
นักธุรกิจบางรายชี้ว่า ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนตัวลงไม่ควรเป็นเรื่องน่าวิตกจนเกินไป อานันด์ มหินทรา ประธานบริษัทมหินทรา กรุ๊ป ซึ่งเป็นกิจการยานยนต์และอวกาศที่ทำธุรกิจในอังกฤษบอกว่า โลกทำทีราวกับว่าโดนสึนามิถล่ม ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นปฏิกิริยาที่มากเกิน เขาเชื่อว่า อีกไม่นานตลาดทั่วโลกจะฟื้นและผู้คนจะมองทุกอย่างจากมุมมองใหม่
นอกเหนือไปจากกิจการไอที เมื่อต้นปี บริษัทมหินทราเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าในอังกฤษ นายมหินทราบอกว่า เขาเคยพยายามผลักดันให้ทางการอังกฤษลดภาษีรถยนต์สำหรับรถพลังงานไฟฟ้า แต่ได้รับคำตอบว่าทำได้ยากเพราะติดปัญหาระเบียบและภาษีค่าธรรมเนียมต่างๆของอียู ดังนั้นหลังจากนี้เขาเชื่อว่าจะเป็นเวลาที่เขาจะผลักดันอังกฤษได้ใหม่
แต่นายอัดจ์ กอดเรจ ประธานกลุ่มกอดเรจ กรุ๊ปของอินเดียกลับเห็นต่างจากนายมหินทรา กิจการของเขาเป็นกิจการค้าขายเครื่องประทินโฉมและเพื่อความงาม เขาบอกว่า เขาแปลกใจที่สหราชอาณาจักรตัดสินใจเช่นนี้ เพราะมันจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศในแง่เศรษฐกิจ และมันจะกระทบต่อกิจการของอินเดียที่ลงทุนในอังกฤษเพื่อจะใช้อังกฤษเป็นฐานทำธุรกิจในอียูด้วย เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้จะต้องหันไปหาฐานใหม่ที่อื่นในอียูแทน


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.