ปราบโกงตำตอ...แหล

น้ำท่วมให้เรียกว่าน้ำรอระบาย ค่าโง่ให้เรียกว่าค่าซื้อความรู้ ค่าหัวคิวให้เรียกว่าค่าที่ปรึกษา ไมค์แพงอย่าว่าทุจริตแค่ส่วนต่างเยอะ

เราอยู่ในยุคอะไร ยุคคนดีตะโกนปราบโกง แต่ที่พวกกูไม่ยอมรับผิด คนดีนกเงือก "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" คนดีผีหัวฟู ดริฟท์กลับลำหน้าตาเฉย แถมอ้างคำพระ "ปล่อยวาง" ไม่ผูกจิตให้รุงรังเพราะโกรธเกลียด แหม่ ทีตอนเอาความดีขย่มคนอื่นบ้าง ไม่เคยยั้ง แต่พวกตัวเองแหลได้ทุกอยาง ไม่เคยผิด


GT200 ไม่ใช่แค่เรื่องโกง แต่ยังมีเรื่องไม่ยอมเสียหน้า ศักดิ์ศรีกองทัพ ยอมรับไม่ได้ว่า "ถูกต้ม" ถ้าย้อนไปดูวาทกรรมปี 53 หลังพิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ ว่าใช้ไม่ได้ กองทัพก็ยังแถไปเรื่อย เช่นอ้างว่าเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าในตัวคนใช้ ถ้าพักผ่อนไม่พอ ไม่ได้ประสิทธิภาพ

หรือโบ้ยไปคุ่ยๆ ทหารไม่มีอะไรให้ใช้ ถ้าเห็นว่าใช้ไม่ได้ ก็ไปหาอย่างอื่นมาให้ใช้
มันเป็นเรื่องใหญ่ไงครับ ถ้ากองทัพจะยอมรับว่าผิดไปแล้ว ขอโทษประชาชน เพราะต้องไปยอมรับผิดที่ใช้กับคน 3 จังหวัด เอาไม้ล้างป่าช้าไปจิ้มเขา แล้วหาว่ามีสารระเบิด รวมทั้งอาจต้องรับผิดกับกำลังพลของตัวเอง ที่อาจมีกรณีเอาไม้ล้างป่าช้าไปจิ้วแล้วว่าไม่มีระเบิด ที่ไหนได้ ตูม

ที่สำคัญคือเสียหน้านี่แหละ แบบเดียวกับหมอพรดริฟท์ ไม่มีวันเสียละ ที่จะออกมาขอโทษประชาชน เดี๊ยนโง่ไปแล้วค่ะ โง่ๆๆๆ ดับเบิ้ลโง่ ทริเปิ้ลโง่ ซูเปอร์โง่
คนดีทำอย่างนั้นไม่ด๊าย....
00000
ปราบโกงตำแหล คอลัมน์ ใบตองแห้ง
"ขอให้อย่าเรียกสถานการณ์ครั้งนี้ว่าน้ำท่วม ให้เรียก น้ำรอระบาย เพราะหากน้ำท่วมต้องเป็นเหมือนเมื่อ ปี 2554"

"อะไรที่ควักเงินซื้อจะเรียกเป็นค่าโง่ทั้งหมดได้อย่างไร ถ้าเรียกได้ก็เป็นค่าฉลาด ที่สำคัญถือเป็นค่าซื้อความรู้ แต่แพงไปหน่อย"

ไม่รู้จะเอาฮาไปถึงไหน ยุคประชาธิปไตย 99.99% ขยันผลิตวาทกรรมใหม่ ชวนให้ย้อนคิดถึง "ไมค์แพง" ไม่ทุจริต แค่ "ส่วนต่างเยอะ" ขณะที่ "ค่าหัวคิว" อุทยานราชภักดิ์ ก็เข้าใจผิด ความจริงเป็น "ค่าที่ปรึกษา"

ก็เอาที่สบายใจเลย เพียงแต่ GT 200 ถ้าเรียกค่าฉลาด ค่าซื้อความรู้ ก็ดูถูกคนไทยไปหน่อย เพราะหากยังจำได้ เมื่อต้นปี"53 อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ และชาวพันทิป ให้ความรู้โดยไม่ต้องซื้อขาย มีหลักวิชาวิทยาศาสตร์มาอธิบายกับประชาชนทั่วไป แต่ทั้งกองทัพ ทั้งนักนิติวิทยาศาสตร์ กลับ "โชว์ฉลาด" ยืนยันว่าใช้ได้

"เครื่องมือมันทำงานได้จริงๆ ....ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการใช้หลักการและเหตุผล อะไรที่เรามองแล้วว่ามันใช้ได้แต่เราไม่เชื่อ ไม่ได้แปลว่ามันโกง"
เห็นไหมครับ อย่ามาดูถูกคนไทย คนไทยส่วนใหญ่ไม่เกี่ยว ใครพูดอะไรไว้จงรับไป โลกสมัยนี้มีหลักฐานยืนยันทั้งคลิปคำต่อคำและลายลักษณ์อักษร ไม่ใช่พลิกลิ้นดริฟต์ไปดริฟต์มาได้ง่ายๆ

นี่เราไม่ได้พูดเรื่องโกง ไม่โกง การจัดซื้อ "ไม้ล้างป่าช้า" มีทุจริตไหมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรากำลังพูดถึงการไม่ยอมรับความจริง ทั้งๆ ที่จำนนต่อหลักฐานทางวิชาการ พิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ ก็ยังปากแข็ง
ซึ่งมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น อาจมีทุจริตจริงจึงต้องยืนกราน ว่าใช้ได้ หรืออาจไม่ทุจริตเลยก็เป็นได้ แต่กลัวอับอายขายหน้า ไม่กล้ายอมรับกับประชาชนว่า "โดนฝรั่งต้ม" ซ้ำยังมีผล กระทบจากการใช้ไม้จิ้มจับคนใน 3 จังหวัดภาคใต้ไปหลายราย

ตอนที่มีวิวาทะกันครั้งนั้น ผมว่าผู้เกี่ยวข้องหลายรายฉุกใจคิดแล้วละ แต่ไม่ยอมรับ พยายามไปหาคำอธิบายตลกๆ เช่น "ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าในตัวคนที่ใช้ ถ้าพักผ่อนน้อยไป ไม่มีความพร้อม จะทำให้เครื่องขาดประสิทธิภาพ"

หรือคำพูดดื้อๆ แบบทหารไม่มีอะไรให้ใช้ ถ้าเห็นว่า ไม้ล้างป่าช้าใช้ไม่ได้ ก็ไปหาอย่างอื่นมาให้ใช้ ถ้าไม่มีอะไรให้ใช้เลย กำลังพลก็ไม่มีความปลอดภัย (อ้าว! ถ้ามันใช้ ไม่ได้ แล้วกำลังพลจะปลอดภัยได้ไง)
ย้ำนะครับประเด็นสำคัญกว่าไม่ได้อยู่ที่โกงไม่โกง บางหน่วยงานอาจซื้อโดยพาซื่อก็ได้ ประเด็นสำคัญคือกองทัพและหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งผู้แถลงปกป้องครั้งนั้น ต้องยอมรับกับประชาชนตรงๆ ว่า "โดนต้มไปแล้ว" ไม่ใช่มาหงุดหงิดฉุนเฉียว หรือถดไปแถมา ทำเป็นคนดีหน้าบาง ผิดบ้างไม่ได้

ประเทศไทยไม่ยอมรับ ว่า GT 200 ใช้การไม่ได้ ไม่ยอมรับ ว่า "โดนต้ม" แต่สั่งเลิกใช้หลังเน็คเทคพิสูจน์ว่าตรวจ 20 ครั้ง เดาได้แค่ 4 ครั้ง แล้วก็ทำเฉยกันไป ไม่ไปร่วมฟ้องร้องเอาผิด ไม่เรียกค่าเสียหาย ตั้งแต่ศาลอังกฤษตัดสินจำคุกเจมส์ แม็กคอร์มิก เมื่อปี"56 จนยึดทรัพย์ในปี"59 แถมไอ้ลวงโลกนี่ยังเอาไปอ้างว่า เห็นไหมประเทศไทยยืนยันใช้จิ้มได้

ศาลอังกฤษตัดสินจบ แต่ป.ป.ช.ผู้ซื่อสัตย์สุจริตของคนไทยงงงวยกับ "เรื่องลึกลับ" จนพ้นตำแหน่งไปชุดหนึ่งแล้วยังวินิจฉัยไม่ได้เลย

นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องโกงไม่โกง แต่มันเป็นวัฒนธรรมที่คนดี ทำอะไรไม่เคยผิด ยอมรับผิดไม่ได้ เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีไม่ได้ ขอโทษประชาชนไม่ได้ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังพูดว่า "มันเคยใช้ได้" แล้วไพล่ไปบอกว่าให้นึกถึงคนที่ตายเพราะระเบิดบ้าง

ไม่ใช่เรื่องแปลก อะไรเลย เราอยู่กับวัฒนธรรมที่คนดี ไม่เคยทำอะไรผิด คนดีแถได้ มายาวนานจนแถกันเป็นปกติ ตั้งแต่ปี "50 โน้นตอนลงประชามติ ที่มีคนพูดว่า "รับไปก่อนแก้ทีหลัง แก้ง่ายนิดเดียว" ยังมีคลิปอยู่นะครับ

เราอยู่กับวัฒนธรรมคนดีนกเงือก "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" วัฒนธรรมที่คุณหญิงหมอพอจวนตัวก็ "ปล่อยวาง" ไม่ผูกจิตให้รุงรังเพราะโกรธเกลียด "แพ้เป็นพระ" ไปซะงั้น แต่เวลาเอาความดีเข้าขย่มคนอื่นได้ไม่มียั้ง เช่น เรียกหาจริยธรรมวิชาชีพพิธีกรข่าวคนดัง

ประเทศนี้ปราบโกงไม่ได้หรอก ถ้าไม่สร้างวัฒนธรรมที่ตรงไปตรงมา ผิดก็กล้ารับ ไม่ใช่ไล่จับคนอื่น แต่กับพวกตัวสองมาตรฐาน

source:- FB Atukkit Sawangsuk & http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1466828654

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.