“เบลน กิ๊บสัน” ชายผู้ออกตามหาความจริงของเที่ยวบินปริศนา MH370
เมื่อเดือน มี.ค.2557 เบลน กิ๊บสัน ชาวอเมริกันนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านที่เขาเคยอยู่ตอนเด็ก เพื่อเก็บข้าวของและสมบัติต่างๆของครอบครัว สำหรับเตรียมขายบ้าน หลังจากได้รับมันเป็นมรดกจากแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเองเขาเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาในตอนกลางวัน และได้เห็นข่าวการหายสาบสูญไปอย่างเป็นปริศนาของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง
เมื่อเดือน มี.ค.2557 เบลน กิ๊บสัน ชาวอเมริกันนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านที่เขาเคยอยู่ตอนเด็ก เพื่อเก็บข้าวของและสมบัติต่างๆของครอบครัว สำหรับเตรียมขายบ้าน หลังจากได้รับมันเป็นมรดกจากแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 8 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเองเขาเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาในตอนกลางวัน และได้เห็นข่าวการหายสาบสูญไปอย่างเป็นปริศนาของเครื่องบินโดยสารมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง
ข่าวดังกล่าวกระตุ้นความสนใจและปลุกเร้าความหลงไหลในเรื่องราวปริศนาที่อยู่ในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง กิ๊บสัน เล่าว่า “เครื่องบินลำดังกล่าวไม่ได้ตกลงในทะเลจีนใต้ แต่บินข้ามแหลมมลายูแล้วหายสาบสูญไปที่ไหนสักแห่งในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมันเป็นเรื่องปริศนาอย่างแท้จริง”
การหายสาบสูญของเที่ยวบิน MH370 ยังค้างคาอยู่ในใจของกิ๊บสัน มันผลักดันให้เขาลงมือค้นคว้าและสอบสวนเรื่องนี้อย่างเงียบๆเป็นเวลาเกือบ 1 ปี และเมื่อเขาได้ทราบข่าวว่าบรรดาครอบครัวผู้โดยสารเที่ยวบินนี้จะจัดงานรำลึกครอบรอบ 1 ปีการหายไปของเที่ยวบิน MH370 สัญชาตญาณการเป็นนักเดินทางและนักผจญภัยของกิ๊บสันก็ทำให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อไปร่วมงานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพราะมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการไขปริศนาของเที่ยวบิน MH370
การพบปะพูดคุยกับครอบครัวผู้สูญเสียในงานดังกล่าวทำให้กิ๊บสันรู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่คนเหล่านี้ต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความทุกข์ใจที่ไม่ทราบชะตากรรมของบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งนั่นทำให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะออกตามหาเครื่องบินของเที่ยวบิน MH370 ด้วยตนเอง
กิ๊บสัน ใช้เวลา 1 ปีเต็มตระเวนไปตามชายหาดต่างๆในมาเลเซีย เรื่อยไปถึงมอริเชียส มัลดีฟส์ และโมซัมบิก จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขากำลังกวาดสายตาไปตามหาดทรายแห่งหนึ่งในโมซัมบิก เขาก็เหลือบไปเห็นวัตถุทรงสามเหลี่ยมที่ดูแปลกตา และเมื่อหยิบมันขึ้นมาดูก็พบว่าวัตถุดังกล่าวมีน้ำหนักเบามาก ตอนนั้นกิ๊บสันรู้สึกได้ทันทีว่าสิ่งที่พบน่าจะเป็นชิ้นส่วนจากเที่ยวบิน MH370 ซึ่งทีมสอบสวนเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ก็มีความเห็นตรงกันว่า “มีความเป็นไปได้สูงมาก” ว่าจะมาจากเที่ยวบิน MH370
กิ๊บสันกล่าวว่า การพบชิ้นส่วนดังกล่าวไม่ต่างไปจากการถูกล็อตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม 3 เดือนต่อมาเขาก็โชคดีเหมือนถูกล็อตเตอรี่อีกครั้ง หลังจากพบวัตถุอีกชิ้นที่ดูเหมือนจะเป็นหน้าจอโทรทัศน์ของผู้โดยสารบนเครื่องบินในระหว่างการลงพื้นที่สำรวจในมาดากัสการ์ แม้จะเป็นเพียงความสำเร็จเล็กๆเมื่อเทียบกับภารกิจการค้นหาที่นานาชาติร่วมมือกัน แต่สำหรับกิ๊บสันแล้วเขามองว่าการค้นพบของเขาเป็นกำลังเสริมที่สำคัญของทีมค้นหาหลักของทางการ เพราะการทำงานของเขาเป็นระดับของชาวบ้านที่ลงพื้นที่ค้นหาความจริงตามกอหญ้าและหาดทราย อีกทั้งยังมีการพูดคุยเก็บข้อมูลจากคนท้องถิ่นด้วย
ขณะเดียวกันชิ้นส่วนขนาดเล็กที่เขาพบก็บ่งชี้ถึงสิ่งที่น่าเศร้าใจที่ว่าเครื่องบินน่าจะตกกระแทกผิวน้ำอย่างรุนแรง และยังบ่งชี้ด้วยว่าทีมค้นหาของออสเตรเลียทำงานมาถูกทางแล้ว เพราะชิ้นส่วนเครื่องบินที่เขาพบถูกกระแสน้ำพัดมาจากจุดที่คาดกันว่าเครื่องบินได้ตกลงในมหาสมุทรอินเดีย
หลังจากนี้ กิ๊บสัน จะออกเดินทางค้นหาความจริงต่อไป โดยเขาจะมุ่งหน้าไปทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของมาดากัสการ์ เรื่อยไปจนถึงประเทศแอฟริกาใต้ แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะแวะไปที่กรุงอันตานานาริโว เพื่อนำชิ้นส่วนล่าสุดที่พบไปส่งให้ทางการมาดากัสการ์ สำหรับนำเข้ากระบวนการตรวจสอบต่อไป
ภารกิจครั้งนี้ของกิ๊บสันล้วนเกิดมาจากความสนใจส่วนตัวของเขาในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ความชื่นชอบกับการไขปริศนาต่างๆ และความต้องการทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เขายอมรับว่า การค้นหาชิ้นส่วนเครื่องบินจากเที่ยวบิน MH370 กลายเป็นสิ่งที่สร้างจุดมุ่งหมายในชีวิตให้กับเขา มันยังทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมากมาย การชื่นชอบคลี่คลายไขปริศนานี้เองเป็นเหตุให้กิ๊บสันเคยพยายามทำหลายเรื่องมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตามหาคำตอบเรื่องระเบิดเหนือไซบีเรียเมื่อปี 2451 การไปตามหาหีบแห่งพันธสัญญาหรือ Lost Ark of the Covenant ที่แฟนๆหนังอินเดียนาโจนส์รู้จักดี หรือแม้แต่การศึกษาเรื่องอารยธรรมมายาที่ล่มสลายไป
แสดงความคิดเห็น