ชาวเอธิโอเปียเสียชีวิต 52 คนในเหตุโกลาหลขณะชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
นายไฮเลมาเรียม เดชาเลน นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงหลังเกิดเหตุการณ์โกลาหลในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่เมืองบิชอฟตู ในเขตโอโรเมียและอัมฮารา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงแอดดิสอะบาบา เมืองหลวงเอธิโอเปีย ประมาณ 40 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 52 คน และผู้บาดเจ็บอีกราว 100 คน เมื่อวานนี้ (2 ต.ค) โดยนายกรัฐมนตรีเดชาเลนกล่าวหาว่าแกนนำการชุมนุมเป็นฝ่ายวางแผนยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตคนจำนวนมาก
นายจาวาร์ โมฮาเหม็ด แกนนำการชุมนุม ระบุว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่รวมตัวกันอย่างสงบในเทศกาลเฉลิมฉลองทางศาสนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบิชอฟตู เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการเลือกปฏิบัติต่อประชาชนในเขตโอโรเมียและอัมฮารา แต่ยอมรับว่าผู้ชุมนุมบางส่วนขว้างก้อนหินและขวดน้ำเข้าใส่ตำรวจหน่วยปราบปรามจลาจล ทำให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และกระบอง ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาลกราดยิงข่มขู่ผู้ชุมนุม จนเกิดความแตกตื่นโกลาหล และมีผู้ชุมนุมเหยียบกันตายหลายราย รวมถึงผู้เสียชีวิตเพราะถูกเจ้าหน้าที่ไล่ต้อนจนตกลงไปในทะเลสาบใกล้เคียง ซึ่งนายโมฮาเหม็ดย้ำว่าสถิติผู้เสียชีวิตอาจมีจำนวนถึง 300 คน มากกว่าที่รัฐบาลระบุหลายเท่า
รายงานข่าวระบุว่าการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในเขตโอโรเมียและอัมฮาราเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ภายหลังจากรัฐบาลปัจจุบันมีแผนจะขยายเขตเมืองหลวงออกไป ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกรงว่าจะถูกไล่ที่ ประกอบกับที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีนโยบายส่งเสริมและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในเขตดังกล่าว ทำให้คนในพื้นที่เกิดความรู้สึกว่าเป็นคนชายขอบของสังคม
การชุมนุมที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงหลายครั้ง ขณะที่ผู้ชุมนุมจะชูสองแขนเป็นรูปกากบาทเพื่อแสดงสัญลักษณ์ในการต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่นายเฟยิซา ลิเลซา นักวิ่งมาราธอนทีมชาติเอธิโอเปีย แสดงออกขณะวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่นครรีโอเดจาเนโรของบราซิลในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
แสดงความคิดเห็น