ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต 

Posted: 25 Nov 2018 01:16 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Sun, 2018-11-25 16:16


นักเศรษฐศาสตร์ชี้แม้นสหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรปก่อนออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค. 2562 แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองภายในประเทศของอังกฤษ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2561 ของไทยยังคงเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/2561 ภาคการบริโภค ภาคส่งออกยังคงชะลอตัว ส่วนภาคการลงทุนกระเตื้องขึ้น

25 พ.ย. 2561 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นว่าแม้นว่าสหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรปก่อนออกจากอียูในวันที่ 29 มี.ค.2562 โดยข้อตกลงยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับอียูต่อไปเป็น Soft Brexit ไม่ใช่ Hard Brexit หรือออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง No Deal Brexit การมีข้อตกลงที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอียูต่อไป หรือ Soft Brexit ช่วยลดผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโลก ระบบการค้าโลกและเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและอียูมากกว่า ส่วน No Deal Brexit นั้นจะสร้างผลกระทบต่อสหราชอาณาจักรและอียูมากพอสมควร เนื่องจากสหราชอาณาจักรส่งออกไปยังอียู 44-45% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดจะถูกเก็บภาษีนำเข้าและมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเหมือนประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรป นอกจากนี้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของอียูและสหราชอาณาจักรที่มีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกัน ภาวะดังกล่าวหลังข้อตกลง Brexit ทำให้กลุ่มธุรกิจในสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับตลาดใหม่ๆรวมทั้งสร้างโอกาสของไทยในการดึงดูดการเคลื่อนย้ายการลงทุนอีกด้วย

กรณีเป็น Hard Brexit หรือ No Deal Brexit ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้นยังคงจำกัด ไม่ว่าจะมีข้อตกลง Brexit แบบไหน ไทยควรมองว่าเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นโดยทำข้อตกลงเพิ่มเติมแบบทวิภาคี การส่งออกสินค้าไทยไปสหราชอาณาจักรมีสัดส่วนราว 1.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ไทยสามารถเพิ่มมูลค่าส่งออกไปอยู่ที่ระดับ 3% ของมูลค่าส่งออกได้เนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีจะไม่เข้มงวดเท่าอียู ส่วนอียูนั้นไทยควรเตรียมการเพื่อการเจรจาทำข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้าเอฟทีเอเอาไว้และสามารถเดินหน้าทำข้อตกลงได้หลังการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองภายในสหราชอาณาจักรซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนต่อการทำข้อตกลงที่นายกรัฐมนตรีเทราซา เมย์ได้ทำไว้กับอียูในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2561 ของไทยอาจจะยังคงเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อเนื่องจากไตรมาสสาม การขยายตัวยังคงแผ่วลงจากเศรษฐกิจในระดับฐานรากยังไม่ได้ขยายตัวมากนัก โดยการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าไม่คงทนซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างสูงในรายจ่ายของครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลางยังขยายตัวต่ำ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการคนจนจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคมากนัก การขยายตัวของภาคการบริโภคจึงยังต้องอาศัยผู้มีรายได้สูง นอกจากนี้การเติบโตเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ยังเผชิญปัจจัยฐานสูงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว (2560) ทิศทางการค้าโลกยังคงชะลอตัวลงซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มาตรการการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้เมื่อ 6 ก.ค. 2561 เริ่มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์บ้างแล้ว โดยเฉพาะมูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าวที่ส่งไปจีนในเดือน ส.ค. 2561 หดตัวกว่า 10% การส่งออกแผงโซลาร์และกลุ่มเครื่องซักผ้าไปยังสหรัฐฯ ก็มีการหดตัวในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้สินค้ากลุ่มยางแผ่น ไม้แปรรูป เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ที่ส่งออกไปจีนจะได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้นในไตรมาส 4 ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

[full-post]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.