อานนท์ นำภา แฟ้มภาพ
Posted: 19 Nov 2018 04:54 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatai.com)
Submitted on Mon, 2018-11-19 19:54
องค์กรภาคีที่สังเกตการณ์การปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ทางการไทยยุติการคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อ 'ทนายอานนท์' กรณีศาลทหารเรียกไต่สวนและห้ามเผยแพร่คำเบิกความพยาน คดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นหมา
19 พ.ย.2561 จากกรณีที่ศาลทหารกรุงเทพนัดไต่สวนทนายความอานนท์ นำภา เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา กรณีเผยแพร่เนื้อหาการสืบพยานโจทก์ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ในคดีฐนกร (สงวนนามสกุล) แชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นหมาและสั่งให้ อานนท์ แจ้งศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนลบข้อความที่ปรากฏในข่าว “ทหารผู้กล่าวหาคดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นหมา ใช้เฟสบุ๊กไม่เป็น แต่เห็นว่าแค่กดไลค์เพจหมิ่นฯ ก็ผิด 112” (http://www.tlhr2014.com/th/?p=8950) บนเว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนออกนั้น
ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา องค์กรภาคีที่สังเกตการณ์การปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders หรือองค์กรภาคีฯ) ออกใบแจ้งข่าว เรื่อง การคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อทนายอานนท์ กรณีศาลทหารเรียกไต่สวนและห้ามเผยแพร่คำเบิกความพยาน คดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์-กดไลค์-หมิ่นหมา ดังกล่าว โดยมีมีรายละเอียดดังนี้
รัฐไทยต้องยุติการคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อทนายอานนท์
องค์กรภาคีฯ ขอประณามการคุกคามทนายอานนท์ ต่อกรณีศาลทหารเรียกไต่สวนทนายอานนท์ เกี่ยวกับการเผยแพร่คำเบิกความพยานของอัยการศาลทหาร ในคดีที่อานนท์ปฏิบัติหน้าที่เป็นทนายความจำเลย การกระทำดังกล่าวของศาลทหารเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงการละเมิดสิทธิในการได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรมของผู้ถูกกล่าวหาและแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมต่อนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยยังคงมีอยู่
องค์กรภาคีฯ จึงขอเรียกร้องให้ทางการไทยหยุดการกระทำที่เป็นการคุกคามทนายอานนท์ทั้งหมด ทั้งในและนอกกระบวนการยุติธรรม เพราะการกระทำนี้ดูเหมือนมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายความชอบธรรมของเขาในฐานะนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ องค์กรภาคีฯ ขอเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้นานาชาติดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งถึงทางการไทย เพื่อให้ทางการไทยดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ประกันให้เกิดความครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจของทนายอานนท์ นำภา และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ทั้งนี้ ควรดำเนินการในทุกบริบท
2. หยุดการกระทำอันเป็นการคุกคามในทุกรูปแบบต่อทนายอานนท์และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศ รวมถึงการคุกคามในระดับกระบวนการยุติธรรม และรับรองในทุกบริบทให้พวกเขาสามารถทำกิจกรรมด้วยความชอบธรรม โดยปราศจากอุปสรรคหรือความกลัวจากการตอบโต้กลับของรัฐ
3. ประกันในทุกบริบทให้บุคคลที่ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
4. ปฏิบัติตามเงื่อนไขในพันธกรณีที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติได้ให้การรับรองเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2541 โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อ 1, ข้อ 5 (ก) และข้อ 12.2
5. รับรองถึงการเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี
สำหรับ รายละเอียดเกี่ยวกับพันธกรณีที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติได้ให้การรับรองเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2541 นั้น ศูนย์ทนายความฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า ข้อ 1 ระบุว่า "บุคคลทุกคนมีสิทธิ โดยลำพังหรือร่วมกับผู้อื่นที่จะส่งเสริมและต่อสู้เพื่อให้เกิดการคุ้มครอง และตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ในระดับประเทศและระหว่างประเทศ" ข้อ 5 (ก) ระบุว่า "ด้วยจุดประสงค์ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน บุคคลทุกคนมีสิทธิโดยลำพังหรือโดยร่วมกับผู้อื่น ในระดับประเทศและระหว่างประเทศในการพบหรือชุมนุมกันอย่างสันติ" และข้อ 12.2 ระบุว่า "รัฐต้องดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อประกันให้มีการคุ้มครองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก่บุคคลทุกคน โดยลำพังหรือโดยร่วมกับผู้อื่น จากความรุนแรง การข่มขู่ การตอบโต้ การเลือกปฏิบัติที่เป็นการปฏิบัติโดยพฤตินัยหรือนิตินัย การกดดัน หรือการปฏิบัติโดยพลการอื่นใด ที่เป็นผลจากการที่บุคคลนั้นได้ใช้สิทธิอย่างชอบธรรมตามที่อ้างถึงในปฏิญญานี้"
- องค์กรนักกฎหมายสิทธิฯ ร้องศาลทหารทบทวนกรณีสั่งศูนย์ทนายฯ ลบคำเบิกความจากเว็บ
- คนส. ชี้ห้ามเผยแพร่คำเบิกความคดีฐนกร เป็นการละเมิดหลักการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม
- 'ศูนย์ทนายสิทธิ' แถลงโต้ กรณีศาลทหารห้ามเผยแพร่คำเบิก-รายงานกระบวนพิจารณาคดีฐนกร
ความคืบหน้าคดีแชร์ผังทุจริตราชภักดิ์–กดไลค์–หมิ่นหมา
ในส่วนความคืบหน้าการพิจารณาคดีของฐนกร (สงวนนามสกุล) ในการกระทำอันเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์นั้น ศูนย์ทนายความฯ รายงานว่า วันที่ 8 พ.ย. 61 อัยการศาลทหารนำสืบพยานปาก พล.ต.ต. สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผู้ซักถามจำเลยระหว่างถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 ร่วมกับ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง เสร็จสิ้น และมีการนัดสืบพยานปากต่อไปในวันที่ 20 ธ.ค. 61 โดยในวันดังกล่าวมีผู้สังเกตการณ์จากสหประชาชาติ (OHCHR) คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี ทั้งนี้ ศาลยังขอความร่วมมือผู้มาฟังการพิจารณาไม่ให้จดบันทึกการสืบพยานอยู่
ทั้งนี้ องค์กรภาคีที่สังเกตการณ์การปกป้องนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ.2540) โดยความร่วมมือของสหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (the International Federation for Human Rigts – FIDH) และ the World Organization Against Torture (OMCT) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันหรือเยียวยาสถานการณ์การปราบปรามต่อนักปกป้องสิทธิมุนษยชน ทั้งนี้ องค์กร FIDH และ OMCT เป็นสมาชิกของกลไกการปกป้องนักสิทธิมนุษยชนของสหภาพยุโรปซึ่งดำเนินการโดยภาคสังคมนานาชาติ
แสดงความคิดเห็น