เหตุการณ์ประท้วงของผู้ใช้ยวดยานพาหนะในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเป็นสัปดาห์ที่ 2 รุนแรงขึ้น กำลังตำรวจฉีดแก๊สน้ำตาและน้ำ สลายการชุมนุมของ “กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง” บนถนนฌ็องเซลิเซ่ ที่พยายามจะปิดสถานที่สำคัญ ทำให้มีผู้บาดเจ็บแล้ว 19 คน และถูกจับกุมอีกหลายสิบคน
วันที่ 25 พ.ย. สำนักข่าว บีบีซี รายงานเหตุการณ์ประท้วงในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งที่เริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 24 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) ว่า ตำรวจปารีสได้ใช้แก๊สน้ำตาและเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าสลายการชุมนุมของประชาชนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 2 ของการประท้วงเพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อราคาน้ำมันในฝรั่งเศสที่ปรับขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์
ความรุนแรงของการปะทะกันของประชาชนในนาม “กลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง” ปะทุขึ้นในถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs-Elysée) เนื่องจากผู้ชุมนุมพยายามจะรุดหน้าเข้าไปให้ถึง ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวสำหรับระบบรักษาความปลอดภัย
มีผู้ประท้วงกว่า 5,000 คน ในการชุมนุมคัดค้านการเรียกเก็บภาษีเชื้อเพลิง ที่ส่งผลกระทบทำให้ “ราคาน้ำมันดีเซล” ในฝรั่งเศสแพงขึ้นเกือบลิตรละ 60 บาท (คิดเป็นเงินไทย) เนื่องจาก “ดีเซล” เป็นเชื้อเพลิงที่ชาวฝรั่งเศสใช้ในยวนยานพาหนะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อราคาปรับสูงลิ่วเช่นนี้ย่อมกระทบต่อค่าใช้จ่ายของผู้คนวงกว้าง
นับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมาที่มีการปิดถนน ทางด่วน และสะพานสัญจรทั่วประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมกว่า 100,000 คน อยู่ในเมืองหลวงร่วม 8,000 คน แต่การชุมนุมเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่เกิดการปะทะระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐรุนแรง
ทางการฝรั่งเศส ใช้ตำรวจ 5,000 คน มาเป็นกำแพงเพื่อหยุดผู้ชุมนุมที่พยายามเดินประท้วงเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม เช่น สำนักงานอธิการบดี และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แม้ผู้ประท้วง จะยืนยันว่า พวกเขาชุมนุมอย่างสงบ และไม่มีมาเพื่อต่อสู้กับตำรวจ แต่บางคนได้พยายามบุกฝ่ากำลังตำรวจ จุดไฟ ฉีกป้าย ทำลายเครื่องกีดขวาง (แบริเออร์) บนถนน และโยนอิฐใส่ตำรวจ พร้อมๆ กับตะโกนขับไล่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากปะทะ 19 คน โดยในจำนวน 4 คน คือ ตำรวจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส กล่าวหาว่า ผู้ประท้วงการขึ้นราคาน้ำมัน มีผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง
แสดงความคิดเห็น