Posted: 17 Nov 2018 11:17 PM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท www.prachatia.com)
Submitted on Sun, 2018-11-18 14:17
'สุดารัตน์' ชี้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2561 เป็นการใช้อำนาจแทรกแซงการทำหน้าที่ กกต. 'ประชาชาติ' เชื่อจะติด 1 ใน 10 พรรคยอดนิยม 'กลุ่มสามมิตร' สมัครสมาชิก 'พลังประชารัฐ' อย่างเป็นทางการ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (แฟ้มภาพ ilawFX Freedom)
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2561 ที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2561 ให้อำนาจ กกต.เปลี่ยนแปลงพิจารณาแบ่งเขตเลือกตั้ง ขยายเวลาประกาศเขตได้จนกฎหมาย ส.ส.มีผลบังคับใช้ และให้พรรคการเมืองสรรหาผู้สมัครได้จนถึงวันรับสมัครนั้น เป็นการใช้อำนาจแทรกแซงอย่างเห็นได้ชัดต่อการทำหน้าที่ของ กกต. ทั้งที่ กกต.ได้รับฟังเสียงจากประชาชนมาแล้ว แสดงให้เห็นว่าผู้มีอำนาจใช้คำสั่งเพื่อไปลบความเห็นคิดจากประชาชน ไม่รวมเสียเวลาและเสียงบประมาณที่ดำเนินการไปในช่วงนั้น ที่สำคัญขัดหลักรัฐธรรมนูญที่ต้องรับฟังเสียงจากประชาชน
“แค่เริ่มต้นเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ยังเกิดปัญหาการใช้อำนาจรัฐ และการเอารัดเอาเปรียบ แล้วช่วงเลือกตั้งจะไม่เกิดปัญหาวุ่นวายมากขึ้นกว่านี้หรือ โดยเฉพาะการซื้อเสียง ดังนั้นจึงฝาก กกต.ให้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ให้เกิดการเลือกตั้งที่บริสุทธ์ ยุติธรรม ไม่เอื้อประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง และเชื่อว่าการออกคำสั่งครั้งนี้ เป็นการทำเพื่อพรรคการเมืองที่อยู่ข้างตนเองได้ประโยชน์ จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะบริสุทธ์ ยุติธรรมหรือไม่ และยอมรับว่าคำสั่งนี้กระทบต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับทุกพรรค แม้ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยอาจจะมีบางเขตที่ซ้ำพื้นที่กัน แต่ก็เป็นเรื่องภายในพรรคที่จะต้องแก้ปัญหาต่อไป ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เหมือนกับคำสั่ง ม.44 อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตื่นตัวและช่วยกันเฝ้าระวังการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกเหนือจากการองค์กรอื่นที่มาร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง” คณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
'ประชาชาติ' เชื่อจะติด 1 ใน 10 พรรคยอดนิยม
18 พ.ย. 2561 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ แถลงข้อเสนอแนวคิดพหุวัฒนธรรม มุ่งเน้นความสันติ ไม่แบ่งแยกแม้แตกต่าง แต่ก็เกิดความสมดุล ยุติธรรม จะได้เลิกหวาดระแวงกันและเผยว่าเพียง 2 สัปดาห์ มีผู้สนใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชาติ เกือบ 1 หมื่นคนแล้ว เชื่อว่าพรรคจะมีคะแนนนิยมอยู่ใน 10 อันดับแรกของพรรคการเมือง ทั้งนี้ยังเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องเป็นตัวของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นวาระสำคัญของประเทศ เป็นการเลือกและเปลี่ยนอนาคต พร้อมกันนี้ยังระบุการเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงก็การสนับสนุนการกระจายอำนาจ เพราะประโยชน์ที่แม้จริงจะตกอยู่กับประชาชน โดยทางพรรคสนับสนุนเรื่องนี้
'กลุ่มสามมิตร' สมัครสมาชิก 'พลังประชารัฐ' อย่างเป็นทางการ
18 พ.ย. 2561 บรรยากาศการเปิดรับสมัครสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความคึกคัก โดยมีกลุ่มสามมิตร นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย 3 แกนนำหลัก พร้อมสมาชิกของกลุ่มกว่า 60 คน เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ อาทิ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.จังหวัดเลย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ว.จังหวัดเลย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น
โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พร้อมนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค ได้เดินทางมาให้การต้อนรับผู้ที่มาสมัครสมาชิก รวมถึงแนะนำสมาชิกใหม่ และชี้แจงข้อปฎิบัติต่างๆ ของพรรคด้วย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มสามมิตรถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกลุ่มรับใช้ทหารว่า กลุ่มสามมิตรเป็นพลเรือน ไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของทหาร และการมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพในสมัยทำงานร่วมกันในพรรคไทยรักไทย เชิญมาร่วมงาน เพราะมองว่าในอนาคต หากไม่มีพรรคการเมืองใหม่ๆ ก็จะทำให้ 2 พรรคการเมืองเก่าต่อสู้กัน และบ้านเมืองก็จะเกิดวิกฤตอีก จึงอยากหาทางเลือกให้ประชาชน เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และในวันนี้ (18 พ.ย.) เมื่อกลุ่มสามมิตรสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ก็จะไม่มีกลุ่มสามมิตรอีกต่อไป ส่วนปัญหาพื้นที่ทับซ้อนในเขตเลือกตั้งนั้น ได้รับการแก้ไขแล้ว และการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต เป็นเรื่องของ กรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ส่วนกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค ที่จะคัดเลือกบุคคลที่รักประเทศ ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง และมีวิสัยทัศน์มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน มั่นใจว่า ผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคพลังประชารัฐ มีสิทธิ์ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้งหมด โดยดูจากผลงานของรัฐบาล และความพร้อมต่อการเลือกตั้งของพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเริ่มงาน นายกอบศักดิ์ ได้ทักทายสื่อมวลชน พร้อมพูดถึงกรณีที่กลุ่ม New Dem คนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ เชิญชวนพรรคการเมืองร่วมกีฬาสีกระชับมิตรว่า กำลังฟอร์มทีมอยู่ มั่นใจมีคนรุ่นใหม่ร่วมแข่งขัน "น้องเราไม่แพ้แน่ๆ มั่นใจ" ด้านนายณพงศ์ นพเกตุ อดีตผู้อำนวยการนิด้าโพล ที่เพิ่งเปิดตัวร่วมพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวย้ำว่าภาพโปรโมทกิจกรรมของกลุ่ม New Dem ไม่ค่อยสวยและไม่ค่อยแสดงถึงความสามัคคีเท่าใดนัก
ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2] [3]
แสดงความคิดเห็น