ครม.ไฟเขียวกม.ภาษีที่ดิน-บ้านเศรษฐีกว่าราคาเกิน50ล้านกว่า8พันหลังต้องเสียภาษี
http://www.matichon.co.th/news/164482
"กฎหมายหัวปลี" เพราะจะทำให้มีคนปลูกกล้วยบนที่รกร้างว่างเปล่าเยอะเลย
จุดทุเรศมี 3 ข้อ ไม่ใช่ข้อเดียว
1.บ้านเศรษฐีราคาไม่ถึง 50 ล้านบาทไม่ต้องเสีย เอาใจคนชั้นกลางระดับบน ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับสมหมาย ภาษี คนโวยวายก็คือคนชั้นกลางทั่วๆ ไปที่ส่วนใหญ่มีบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้าน
พอกำหนดเว่อร์อย่างนี้ก็ทำให้เกิดความลักลั่น เช่น บ้านเศรษฐีราคา 49 ล้านไม่เสียภาษี แต่อาคารพาณิชย์ขายของชำ ราคา 5 ล้านต้องเสีย เพดาน 2% ด้วยนะ
หรือบ้านเศรษฐีราคา 49 ล้านไม่ต้องเสียภาษี แต่คนมีบ้าน 2 หลัง ต้องเสียหลังที่สอง อ้าว บ้านหลังที่สองไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศนะครับ หลายคนมีภูมิลำเนาต่างจังหวัด มีบ้านเป็นมรดกที่พ่อแม่ยกให้ แต่มาทำงานในกรุง ก็ต้องซื้อบ้านอยู่ กลายเป็นมีบ้าน 2 หลังใช่ไหม
2.ร่างเดิมของสมหมาย ที่ดินเกษตรเสีย 0.2% บ้านอยู่อาศัย 0.3% ที่ดินพาณิชย์ 1% ที่รกร้างว่างเปล่า 1% ในช่วง 1-3 ปีแรก 4-6 ปีเสีย 2% ปีที่ 7 ขึ้นไปเสีย 3%
ร่างของอภิศักดิ์ ที่ดินเกษตร 0.2% บ้าน 0.5% พาณิชย์ 2% ที่รกร้างว่างเปล่า 5% ใน 1-3 ปีแรก หลังจากนั้นเพิ่มเป็น 10%
มองมุมหนึ่งเหมือนมีแง่ดี ไม่ให้คนสะสมที่ดิน เก็งกำไร แล้วปล่อยไว้รกร้างว่างเปล่า แต่เศรษฐีส่วนใหญ่ ไม่ทิ้งร้างหรอกครับ เขามีวิธีเลี่ยง คอยดูสิ เดี๋ยวไม่ปลูกกล้วยก็ปลูกมะพร้าว แล้วเขาถือครองด้วยนิติบุคคล ไม่ใช้ชื่อตนเอง เอาภาษีไปหักค่าใช้จ่ายได้
คนที่จะเดือดร้อนคือพวกมีที่ดินมรดก หรือพวกซื้อที่ไว้นานแล้ว แต่ไม่ได้ทำอะไร ถ้าไม่ปลูกกล้วยก็ต้องขาย เชื่อว่าหลังกฎหมายบังคับใช้ ก็จะเทขายกันยกใหญ่ เข้าปากใครล่ะทีนี้ ถ้าไม่ใช่พวกเศรษฐีหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ข้อนี้น่าสังเกตนะครับ ทำไมดีดจาก 1% พรวดขึ้นไป 5% ที่ดินพาณิชย์ก็ขึ้นไปเป็น 2% ต่างจากเดิมมาก ต้องคอยดูว่าใครได้ประโยชน์
ปัญหาคือคนเดือดร้อนจะไม่ใช่แค่คนถือครองที่แปลงใหญ่สิ ชาวบ้านทั่วไป หรือคนชั้นกลาง ที่มีที่ดินมรดกบ้าง ที่แปลงเล็กๆ ซื้อเก็บไว้บ้าง 50-100 ตารางวาในกรุงเทพปริมณฑล หรือ 2-3 ไร่ตามต่างจังหวัด ทิ้งไว้ไม่ได้ทำอะไร ซวยนะครับ 5% นะครับ ถ้าไม่ปลูกกล้วยก็ต้องซื้อบ้านน็อคดาวน์ไปตั้งไว้ แต่ถ้าบอกเป็นที่อยู่อาศัย ก็เข้าข่ายหลังที่ 2 อีก ต้องโอนชื่อให้ลูกให้เมียวุ่นวายละทีนี้
3.การกำหนดอัตราที่แตกต่างกันมาก ที่การเกษตร 0.2% ไม่ถึง 50 ล้านไม่เสีย ที่รกร้าง 5% หรือบ้าน 49.9999 ล้านไม่เสีย บ้าน 50.0001 ล้านเสีย จะทำให้เกิดอะไร เกิดการใช้ดุลพินิจในการตีความของข้าราชการ ซึ่งบิดเบี้ยวได้ง่าย อ้าว ที่ว่างแปลงหนึ่ง 5 ไร่มีกล้วย 50 ต้น มีกระต๊อบ 1 หลัง คุณจะตีความอย่างไร บ้านพักอาศัยราคารวมที่ดิน 30 ล้าน (ไม่เสีย) ที่ดินการเกษตร (ไม่เสีย) หรือที่รกร้างว่างเปล่า (เพดาน 5% คือ 1.5 ล้าน)
ที่จริงร่างของสมหมายถูกต้องแล้ว คนมีบ้าน มีที่ดิน ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ ก็ควรเสียภาษี ถ้ากลัวประชาชนเดือดร้อนก็เก็บต่ำไว้ก่อน มันเป็นเรื่องความยุติธรรม คนมีที่ดินได้ประโยชน์ได้มูลค่าเพิ่มทุกวัน จากความเจริญของสังคม จากการลงทุนสาธารณูปโภคของรัฐ เมื่อเทียบกับคนไม่มีที่ดินที่เขาไม่ได้อะไรเลย คนมีบ้านราคา 5 ล้าน ถ้าเสียภาษีซักปีละ 1-2 พันบาท มันหนักอะไรนักหนา เปรียบได้กับค่าต่อทะเบียนรถ ที่โสภณ พรโชคชัย บอกว่าคนจนมีมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ราคาหมื่นเดียวยังเสียภาษีเลย
ที่ผมเคยติงร่างของสมหมายมีอย่างเดียวคือไม่ควรคิดรายแปลง แต่คิดรายบุคคล แล้วเสียภาษีอัตราก้าวหน้า เช่น คนๆ นี้มีที่ดินทั่้วประเทศ 10 แปลง ราคารวม 100 ล้าน ก็ต้องเสียมากกว่าคนที่มีแปลงเดียวราคา 20 ล้าน


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.