ธปท.เตือนแบงก์อยู่ยากในอนาคต เจอฟินเทคแย่งตลาด แนะปรับรูปแบบธุรกิจ เลิกเน้นเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม

นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า พัฒนาการด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) มีความรวดเร็วและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้บริโภคมากขึ้น และให้บริการทางการเงินแทนธนาคารได้เกือบทุกด้านแล้ว ฉะนั้น โครงสร้างระบบการเงินในไทยต้องเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น สถาบันการเงิน รัฐบาล และ ธปท.เองล้วนต้องปรับตัวรองรับ

สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและรายได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ได้จากการปล่อยสินเชื่อ เมื่อรายได้ดอกเบี้ยลดก็หันไปมุ่งเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม แต่หลังจากฟินเทคขึ้นมาเป็นคู่แข่งจะเสนอบริการที่ถูกกว่าและปลอดภัยกว่า หากธนาคารยังเน้นหารายได้จากค่าธรรมเนียมก็จะทำให้ธนาคารเสียลูกค้าไปในระยะยาว

ทั้งนี้ รายได้จากค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้จากดอกเบี้ยลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งสัดส่วนค่าธรรมเนียมในระบบขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20-30%

นางทองอุไร กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.กำลังแก้กฎระเบียบการจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปิตอล) โดยจะขยายเพดานวงเงินการร่วมลงทุน ซึ่งระหว่างนี้ได้พิจารณาผ่อนผันให้เป็นกรณีไป พร้อมทั้งยังปรับปรุงกฎระเบียบหลายฉบับเพื่อรองรับการพัฒนาฟินเทคในประเทศไทย เช่น การอนุญาตให้ธนาคารตั้งกลุ่มบริษัท เปิดให้เวนเจอร์ แคปิตอลลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพื่อเรียนรู้ฟินเทคใหม่ๆ ทำแล็บฟินเทค เป็นต้น

ด้านสถาบันการเงินควรปรับรูปแบบธุรกิจ (บิซิเนส โมเดล) ใหม่เข้าสู่ดิจิทัลเต็มตัว ยกระดับสาขาเป็นศูนย์การเงิน ไม่ใช่ทำธุรกรรมแบบเดิม และทำบริการดิจิทัลให้ง่ายและสะดวก ทำให้ผู้ใช้งานต้องการใช้ต่อไป ส่วนธนาคารใช้ประโยชน์สูงสุดของข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมในองค์กร และบริหารความเสี่ยงในเชิงรุก

สำหรับความคืบหน้าเรื่องค่าธรรมเนียมธุรกรรมผ่านเอนี่ ไอดี ขณะนี้กำลังเร่งหาข้อสรุปร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ซึ่งต้องได้ข้อสรุปค่าธรรมเนียมให้ได้ก่อนเปิดลงทะเบียน 15 ก.ค.นี้ โดยยอมรับว่ามีตัวเลขในใจ ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมอี-เพย์เมนต์จะถูกลง แต่ธุรกรรมเงินสดมีแนวโน้มค่าธรรมเนียมสูงขึ้นสอดคล้องกับต้นทุนสูง ทั้งสาขา และเอทีเอ็ม ที่มีค่าบริหารจัดการ ค่าพนักงาน และต้นทุนค่าประกันความเสี่ยง แต่ไม่คิดค่าธรรมเนียม ทว่า เชื่อว่าธนาคารคงไม่รีบขึ้นทันที เพราะต้องใช้เวลากว่าระบบอี-เพย์เมนต์จะสมบูรณ์และผู้บริโภคคุ้นเคย


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.