ขอย้ายคดีค้ามนุษย์จากระนองเข้ากรุงเทพฯ ทนายเผยการดำเนินคดีในต่างจังหวัดมีปัญหาพยานถูกข่มขู่อย่างมากแทบทุกกรณี
นายปภพ เสียมหาญ ทนายความของมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาเปิดเผยว่า วันนี้ 10 มิ.ย. ศาลจังหวัดระนองได้รับคำร้องจากทนายความฝ่ายผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ที่ผู้เสียหายเป็นลูกเรือชาวกัมพูชา ที่ขอให้ย้ายการพิจารณาคดีไปที่ศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ในกรุงเทพฯเพราะเกรงการข่มขู่พยาน
คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเรืองชัย ผิวงาม กับพวกรวม 3 คน เป็นจำเลย ในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา จากเหตุการณ์การจับกุมตั้งแต่เมื่อเดือนม.ค.ปีนี้ ซึ่งมีการตรวจค้นเรือประมงชื่อ เรือ ก.นาวามงคลชัย 1 และพบผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในเรือประมงจำนวน 11 คนซึ่งถูกบังคับให้เป็นแรงงานข้ามชาติทำงานในเรือประมงด้วย ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สั่งฟ้องเป็นคดีค้ามนุษย์ดังกล่าว
ในการขอให้ศาลระนองสั่งโยกย้ายการพิจารณาคดีไปยังศาลในกรุงเทพฯ ทีมทนายความของผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการเสนอเหตุผลว่า ทั้งนี้เนื่องจากเกรงการข่มขู่พยาน พร้อมทั้งเห็นว่าจำเลยในคดีนี้ถูกฟ้องในข้อหาค้ามนุษย์ด้วยจากกรณีที่มีผู้เสียหายชาวไทยกระโดดลงจากเรือลำเดียวกันก่อนหน้าที่เรือจะออกสู่น่านน้ำสากล ทำให้ขณะนี้ถูกฟ้องร้องเป็นความอยู่ที่ศาลสมุทรปราการอีกหนึ่งคดี ดังนั้นการโยกย้ายการพิจารณาคดีจำเลยคนเดียวกันจากระนองไปยังกรุงเทพฯน่าจะทำให้สะดวกมากขึ้นในการดำเนินคดี นอกจากนั้นคดีค้ามนุษย์ยังเป็นคดีที่นานาชาติให้ความสนใจด้วย
นายปภพเปิดเผยว่า สำหรับการข่มขู่พยานเท่าที่ผ่านมา เกิดขึ้นในระหว่างการพิจารณาคดี เนื่องจากญาติของฝ่ายจำเลยมีมาก เมื่อพบกับพยานในคดีในและนอกห้องพิจารณาคดี ในช่วงเวลาที่ทนายต้องว่าความ เจ้าหน้าที่ต้องเข้าจดบันทึก ญาติๆเข้าไปพูดคุยสร้างความอึดอัดใจให้พยานโดยไม่มีใครห้ามปรามได้
อย่างไรก็ตาม ทนายความฝ่ายจำเลยได้คัดค้านการย้ายคดีไปพิจารณายังศาลในกรุงเทพฯ ศาลได้ให้ทนายความฝ่ายจำเลยทำคำแถลงเพื่อคัดค้านภายใน 15 วัน และกำหนดนัดฟังคำสั่ง วันที่ 16 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
นายปภพกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาคดีค้ามนุษย์ที่ขึ้นศาลนอกกรุงเทพฯมีปัญหาในเรื่องของการข่มขู่พยานค่อนข้างมาก คดีหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของการค้าโรฮิงญาที่นครศรีธรรมราช มีปัญหาการข่มขู่พยาน ถึงขั้นที่มีพยานคนหนึ่งถูกอุ้มขึ้นรถไปและนำตัวไปพูดคุยข่มขู่ให้ถอนตัวจากการเป็นพยาน เมื่อทีมทนายความไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ การคุ้มครองพยานของเจ้าหน้าที่คือให้ไปนอนที่สถานีตำรวจ ซึ่งนายปภพชี้ว่าตามกฎหมายมีข้อกำหนดในเรื่องการคุ้มครองพยานไว้ดีกว่าในทางปฎิบัติ และตนอยากเห็นการคุ้มครองพยานกระทำอย่างรอบคอบและให้การปกป้องดีกว่านี้


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.