ยูนิเซฟเผยไทยหยุดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกสำเร็จตามเป้า
กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 8 มิ.ย. รับรองว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกได้สำเร็จ ทั้งยังเป็นประเทศแรกในเอเชีย และประเทศแรกๆ ของโลกซึ่งลดอัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ได้ เข้าเกณฑ์การยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกขององค์การอนามัยโลก
กระทรวงสาธารณสุขของไทยเปิดเผยว่าอัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกในไทยลดลงจาก 10.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2546 เหลือเพียง 1.91 เปอร์เซ็นต์ในปี 2558 และนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีราว 95 เปอร์เซ็นต์ ได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อในทารกด้วย
การประเมินความสำเร็จของไทยในการยุติการถ่ายทอดเชื้อดังกล่าวดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557-เม.ย.2559 โดยได้รับความร่วมมือจากคณะผู้เชี่ยวชาญนานาประเทศ ทั้งจากองค์การอนามัยโลก, องค์การยูนิเซฟ (UNICEF), โครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (CDC)
นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าความสำเร็จของไทยซึ่งบรรลุเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกในการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกได้ เป็นความสำเร็จของทุกคนและทุกองค์กรที่เป็นภาคี ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อแม่และเด็กทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทย แต่ยังมีความท้าทายอยู่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ความสำเร็จในวันนี้ยั่งยืนต่อไป ซึ่งต้องอาศัยความเป็นผู้นำ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ และนโยบายรัฐที่เข้มแข็ง
ขณะที่แถลงการณ์ของยูนิเซฟระบุด้วยว่าประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ โดยต้องคำนึงถึงกลุ่มประชากรที่เข้าถึงการบริการได้ยาก เช่น แรงงานต่างชาติหรือกลุ่มวัยรุ่น เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ติดเชื้อในขั้นเริ่มต้นจะได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกอย่างทันท่วงที
(ภาพประกอบ: นักกิจกรรมชูริบบิ้นสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์การรณรงค์เพื่อความรู้ความเข้าใจเรื่องเชื้อเอชไอวี/เอดส์ที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อปี 2556)

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.