รัสเซียเจรจานักลงทุนเข้าซื้อบริษัท Sovcomflot / เยอรมนีทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าตามสถานีรถไฟ

หุ้นดาวน์โจนส์แตะระดับสูงสุด หลัง Apple เผยรายได้เพิ่มขึ้น 7.2%

ดัชนี Dow Jones Industrial Average ขยับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน อยู่ที่ระดับเกือบ 22,000 จุด ในวันอังคาร หลังจากราคาหุ้นของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น Goldman Sachs และ JP Morgan Chase รวมทั้งรายงานผลประกอบการของบริษัท Apple ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 7.2%

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ตั้งแต่ต้นปีมานี้ ดัชนีดาวน์โจนส์ปรับตัวสูงขึ้นไปแล้ว 11% แม้ว่าบรรดาสถาบันการเงินในวอลสตรีทได้สูญเสียความมั่นใจไปแล้ว ว่ารัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐสภาที่ครอบครองโดยพรรครีพับลิกันคงจะไม่สามารถผลักดันกฎหมายปฏิรูปภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายในการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ได้เหมือนที่เคยรับปากไว้ช่วงหาเสียง

ขณะเดียวกัน บริษัท Apple เปิดเผยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีนี้ ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 7.2% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายโทรศัพท์ iPhone เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ คือเพิ่มขึ้น 1.6% ไปอยู่ที่ระดับ 41 ล้านเครื่อง

เรื่องนี้สร้างความแปลกใจไม่น้อยให้กับนักวิเคราะห์ เนื่องจากคาดกันว่า Apple กำลังจะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ในโอกาสครบรอบ 10 ปี iPhone ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งลูกค้าจำนวนมากมักจะรีรอที่จะซื้อหรืออัพเกรดโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ จนกว่าจะได้เห็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้รายได้รวมของ Apple ในช่วงเดือน เม.ย. – มิ.ย. จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 42,360 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

รัสเซียเจรจานักลงทุนเข้าซื้อบริษัท Sovcomflot

รอยเตอร์สรายงานว่า รัสเซียกำลังเจรจากับนักลงทุนเอเชียหลายราย เรื่องการแปรรูปบริษัทรัฐวิสาหกิจด้านการขนส่งของรัสเซีย Sovcomflot ให้เป็นบริษัทเอกชน

Sovcomflot คือบริษัทขนส่งทางทะเลที่ทางการรัสเซียเป็นเจ้าของ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการขนส่งปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติเหลว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995

รายงานของสื่อ RIA ในรัสเซีย ระบุว่า ทางรัสเซียกำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ในการขายกิจการของ Sovcomflot รวมถึงการเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์

เยอรมนีทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าตามสถานีรถไฟ

ทางการเยอรมนีเริ่มทดลองใช้ระบบเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ซึ่งจะนำมาใช้ตามสถานีรถไฟต่างๆ ในกรุงเบอร์ลิน โดยเชื่อว่าจะช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยของระบบขนส่งมวลชนของกรุงเบอร์ลินได้

การทดลองครั้งนี้จะใช้เวลา 6 เดือน โดยใช้อาสาสมัครกว่า 200 คนที่ได้รับการบันทึกชื่อและรูปใบหน้าของพวกเขาเก็บไว้ในฐานข้อมูลการติดตั้งกล้องถ่ายทำการทดสอบครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ประชาชนเยอรมนีบางส่วนออกมาต่อต้านการนำระบบเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้ เนื่องจากเหตุผลด้านการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

source ;- http://rferl.c.goolara.net/Click.aspx?id=066994851900611175

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.