Posted: 20 Aug 2017 03:41 AM PDT  (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ชี้สังคมควรสร้างฉันทามติเรื่องการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการผ่านกระบวนการประชาธิปไตย การปฏิรูปด้านต่างๆตามที่องค์กรต่าง ๆ สปช. สปท. และรัฐบาลนำเสนอไม่อาจทำให้สำเร็จได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเต็มที่

20 ส.ค. 2560 ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ความเห็นประเด็นเรื่องการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ ว่า สังคมควรสร้างฉันทามติเรื่องการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการผ่านกระบวนการประชาธิปไตย การปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามที่องค์กรต่าง ๆ สปช. สปท. และรัฐบาลนำเสนอไม่อาจทำให้สำเร็จได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะการขับเคลื่อนการปฏิรูปให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงต้องภารกิจร่วมกันของคนทั้งสังคม

ประเทศมีปัญหาและความล้มเหลวในเชิงโครงสร้างของระบบการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพประชาชนจึงก้าวเข้าสู่ ทศวรรษแห่งความถดถอยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 การจะก้าวข้ามผ่านทศวรรษแห่งความถดถอยและกับดักรายได้ระดับปานกลางรวมทั้งวิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จำเป็นต้องอาศัยการปฏิรูปอย่างแท้จริงและการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตร่วมกันของทุกคน และควรดำเนินการภายใต้หลักการและกระบวนการประชาธิปไตยจะดีที่สุด ความขัดแย้งโดยรวมและในระยะยาวจะน้อยที่สุด จะสมานฉันท์ปรองดองมากที่สุด แม้นประเทศไทยจะเคยมีรัฐธรรมนูญที่ดีมากที่สุดฉบับหนึ่งของโลก คือ รัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ไม่สามารถทำให้การแข่งขันเข้าสู่อำนาจทางการเมืองผ่านการเลือกตั้งในระบบได้ทั้งหมด จึงก่อให้เกิดการเมืองนอกระบบมากสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอและล้มเหลวเชิงโครงสร้างของสังคมไทย แม้นสังคมจะมีจุดแข็งอยู่ไม่น้อยก็ตาม ปัญหาในเชิงโครงสร้างได้สะสมและสืบเนื่องมาเรื่อย ๆ พร้อมกับความอยุติธรรมหรือการถูกเลือกปฏิบัติจากโครงสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ได้สร้างสภาวะความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เท่าเทียมกันในทุกด้าน สภาวะความเหลื่อมล้ำซึ่งมีอยู่หลายมิติ ทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ (รายได้ การถือครองทรัพย์สินและความมั่งคั่ง ระบบสวัสดิการ) ด้านสิทธิและอำนาจ ด้านโอกาส ด้านการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพ ความเหลื่อมล้ำที่มากเกินไปได้บั่นทอนศักยภาพ โอกาสและความสามารถของประชาชนไม่ให้มีพลังในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้

ดร. อนุสรณ์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต ได้เสนอข้อเสนอการปฏิรูปเพิ่มเติมให้คณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ ได้พิจารณา ดังนี้ ขอให้มีการพิจารณาปฏิรูปประเทศไทยให้ครอบคลุม 6 ด้าน อันประกอบไปด้วย การปฎิรูปด้านเศรษฐกิจ การปฏิรูปด้านการเมือง การปฏิรูปด้านการศึกษา การปฏิรูปด้านสังคม การปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติ การปฏิรูปภาครัฐและระบบราชการ ประกอบไปด้วย 28 วาระปฎิรูป โดยที่ผ่านรัฐบาล สปช. สปท. และรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาได้ศึกษาวิจัยไว้บางส่วนแต่ยังไม่ครอบคลุมมากพอ มีความจำเป็นต้องจัดเรียงลำดับความสำคัญ เร่งรัดในบางเรื่อง และ ดึงการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางในบางเรื่อง รวมทั้งต้องผลักดันให้เห็นเป็นรูปธรรม

จึงขอเสนอข้อเสนอการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย 8 วาระปฏิรูปดังนี้ วาระที่ 1. การปฏิรูปเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ประสิทธิภาพระบบเศรษฐกิจ การเปิดเสรีและการผ่อนคลายกฎระเบียบ รวมทั้งการเพิ่มบทบาทของเอกชนในกิจการภาครัฐ เป็นต้น วาระที่ 2. การปฏิรูปเพื่อเพิ่มความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เช่น รัฐบาลได้ผ่านกฎหมายภาษีมรดก และกำลังพิจารณาผ่านกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็น ส่วนหนึ่งของการสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมผ่านมาตรการภาษี เป็นต้น วาระที่ 3. การปฏิรูปด้านแรงงาน ซึ่งต้องพิจารณาการเพิ่มผลิตภาพและความสามารถในการทำงาน การเพิ่มค่าจ้าง การเพิ่มสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน การเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับผู้ใช้แรงงานผ่านการรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับ 87 และ 98 เป็นต้น วาระที่ 4. การปฏิรูปภาคเกษตรกรรม ครอบคลุม ผลิตภาพภาคเกษตรและคุณภาพสินค้าเกษตร ระบบชลประทานและระบบสินเชื่อเพื่อการเกษตร คุณภาพชีวิตและรายได้ ระบบสวัสดิการของเกษตรกร สิทธิและการคุ้มครองเกษตรกร หลักประกันความเสี่ยง การจัดการหนี้สินและทุนของภาคเกษตรกรรม ระบบความปลอดภัยด้านอาหาร เป็นต้น วาระที่ 5. การปฏิรูปภาคการเงินและตลาดทุน วาระที่ 6. การปฏิรูปพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและอีอีซี วาระที่ 7 การปฏิรูปโครงสร้างและระบบภาษี วาระที่ 8 การปฏิรูปการสื่อสารโทรคมนาคมและระบบโลจิสติก

การปฏิรูปด้านฐานทรัพยากร ประกอบไปด้วย 5 วาระปฏิรูป วาระที่ 9. การปฏิรูปด้านทรัพยากรด้านพลังงานและกิจการพลังงาน วาระที่ 10. การปฏิรูปที่ดินและการจัดรูปการใช้ประโยชน์จากที่ดินรวมทั้งการบริหารทรัพย์สินของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง วาระปฏิรูปที่ 11. การปฏิรูปการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ วาระที่ 12. การปฏิรูปทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วาระปฏิรูปที่ 13. การปฏิรูปทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ การปฏิรูประบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม

การปฏิรูปด้านสังคม ประกอบได้ด้วยวาระต่าง ๆ 7 วาระปฏิรูป 14. การปฏิรูปการศึกษา ควรดำเนินการตามยุทธศาสตร์แผนการศึกษาชาติ 15 ปี (ต่อมาเปลี่ยนเป็นแผนการศึกษาชาติ 20 ปี) 15. การปฏิรูประบบสาธารณสุข 16. การปฏิรูปทางด้านศาสนา ค่านิยม วัฒนธรรมและจริยธรรมแห่งชาติ ในวาระปฏิรูปที่ 14-16 นั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับคน เป็นเรื่องการปฏิรูปทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ มีสุขภาพแข็งแรงและมีจริยธรรม มีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นของ World Health Organization และธนาคารโลก พบข้อสรุปตรงกันว่า ประเทศที่มีประชากรสุขภาพและการศึกษาต่ำกว่ามาตรฐาน จะมีความยากลำบากในการรักษาระดับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แบบจำลองทางเศรษฐกิจข้อมูลระหว่างประเทศพบว่า สถานะสุขภาพของประชากรเป็นตัวแปรสำคัญในการอธิบายความแตกต่างของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผลสรุปประมาณการว่า อายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 – 0.4 ต่อปี ประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยสูงสุด 77 ปี มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยต่ำสุด 49 ปี ถึงร้อยละ 1.6 ต่อปี ความแตกต่างนี้จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา 17. การปฏิรูปการระบบสื่อสารมวลชน 18. การปฏิรูปคุณภาพชีวิตในเมืองและชนบท 19. การปฏิรูประบบการอยู่อาศัยในเมืองใหญ่และการสร้างเมืองใหม่เพื่อรองรับประชากรในอนาคต 20. การปฏิรูประบบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

เฉพาะในส่วนของการปฏิรูปด้านการศึกษานั้นควรแยกออกมาเป็น ด้านหนึ่งต่างหากเป็นการเฉพาะเพราะเป็นหลักประกันต่อความสำเร็จของประเทศในอนาคต โดยการปฏิรูปด้านการศึกษานี้ควรดำเนินการตาม 10 ยุทธศาสตร์ดังนี้ ประกอบไปด้วย 1. ยุทธศาสตร์การกระจายอำนาจไปสู่สถานศึกษา 2. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 3. ยุทธศาสตร์การปรับระบบและกลไกการบริหารงานบุคคล (การปฏิรูปครู การผลิตและพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา) 4. ยุทธศาสตร์นวัตกรรมการพัฒนาหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผลผู้เรียน 5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาการผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อสนองตอบตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ (การผลิตและพัฒนาคนให้แข่งขันได้ในศตวรรษที่ 21) 6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคนและการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต

7. ยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบทรัพยากรและการเงินเพื่อการศึกษา 8. ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการระบบข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการศึกษา 9. ยุทธศาสตร์การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระดับสถานศึกษา 10. ยุทธศาสตร์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย

การปฏิรูปด้านการปฏิรูปทางการเมืองประกอบไปด้วย 4 วาระปฏิรูป 21. การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจให้กระจายตัวและเป็นประชาธิปไตย 22. การปฏิรูปให้พรรคการเมืองเป็นสถาบัน 23. การปฏิรูปการสรรหาบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง 24. การปฏิรูปบทบาทของกองทัพและผู้นำกองทัพต่อการเมือง

การปฏิรูปด้านการปฏิรูปภาครัฐและระบบราชการประกอบไปด้วย 4 วาระปฏิรูป 25. การปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพ มีค่าตอบแทนที่เหมาะสมและมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี 26. การปฏิรูปตำรวจและการปฎิรูปกองทัพ 27. การปฏิรูประบบยุติธรรมรวมทั้งศาล 28. การปฏิรูปครูอาจารย์ การปฏิรูประบบมหาวิทยาลัยและโรงเรียนของรัฐ

ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า กรอบการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นระบบเศรษฐกิจที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ลดอำนาจการผูกขาด ส่งเสริมการแข่งขัน ลดความเหลื่อมล้ำ ขยายโอกาสและสิทธิทางเศรษฐกิจ อันจะนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น มีนวัตกรรมมากขึ้น ประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจสูงจะนำไปสู่ประชาธิปไตยทางการเมืองที่สมบูรณ์ขึ้น มีความเข้มแข็งมีคุณภาพมากขึ้น มีสันติธรรม สังคมมีสันติสุข มีตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจน ในประเทศยุโรปเหนือโดยเฉพาะประเทศสแกนดิเนเวีย หรือ อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาก็เป็นประเทศที่มีนวัตกรรมสูงและมีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เพราะมีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ เสรีภาพทางวิชาการ เสรีภาพในการคิด การแสดงออกได้อย่างหลากหลาย

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวอีกว่า แม้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะกำหนดให้สวัสดิการสังคม การศึกษาและหลักประกันสุขภาพบางด้าน แต่ไม่ได้เป็นสิทธิของประชนชนชาวไทยเช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ระบุให้คนไทยได้รับอย่างเสมอภาคเป็นธรรมและทั่วถึง ระบบสวัสดิการพื้นฐาน ระบบการศึกษาพื้นฐานและการเข้าถึงระบบสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลพื้นฐานเป็นสิ่งที่รัฐพึงจัดให้ประชาชนอย่างมีคุณภาพและเป็นธรรม ส่วนข้อดี คือ ตาม มาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญใหม่ รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาภาคบังคับ ที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย รัฐต้องดำเนินการหรือจัดให้มีการศึกษาก่อนวัยเรียนที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน รัฐพึงพัฒนาระบบการคุ้มครองแรงงาน จัดให้มีมาตรฐานแรงงานเป็นไปตามมาตรฐานองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ส่งเสริมเสรีภาพในการรวมกลุ่มของผู้ใช้แรงงานและสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ รัฐควรมีการประกันการมีงานทำของประชาชน จัดหางานให้ประชาชนทำหากต้องออกจากงานเนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ

รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่ กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ การรักษาผลประโยชน์ ส่วนรวม การจัดให้มีสาธารณูปโภค หรือการจัดทำสาธารณะ

มีความเห็นว่า รัฐพึงพัฒนาระบบเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดเสรีภาพในการประกอบการ ลดอำนาจการผูกขาด ส่งเสริมการแข่งขันและบรรลุซึ่งความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ รัฐควรแปรรูปกิจการที่ไม่มีความจำเป็นเพื่อลดภาระทางการคลังและเพื่อนำงบประมาณไปจัดสวัสดิการให้ประชาชนหรือลงทุนพัฒนาด้านอื่น ๆ

สำหรับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นอุปสรรคต่อโอกาสพัฒนาการทางเศรษฐกิจไทยและทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ เปิดเผยอีกว่า การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นปัญหารุนแรงและยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ หากรัฐบาลทำเรื่องนี้สำเร็จพร้อมกับการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆมีความคืบหน้าชัดเจนในช่วงหนึ่งปีก่อนการเลือกตั้ง พล.อ. ประยุทธ์และคณะ อาจจะเพิ่มความชอบธรรมในการกลับมาเป็นบริหารประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอีกครั้งแต่ต้องผ่านการเลือกตั้ง เพราะหากไม่ผ่านการเลือกตั้งอาจเกิดความเสี่ยงในการเกิดความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ทางการเมืองรอบใหม่ได้แม้นจะมีเสียงจัดตั้งจากสมาชิกวุฒสภา 250 คนก็ตาม วิกฤตรอบใหม่จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศในอนาคตและทำให้การปฏิรูปที่ดำเนินการอยู่สะดุดลงได้ด้วยปัญหาความขัดแย้งเรื่องหลักการประชาธิปไตย

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.