พลเมืองต่อต้าน Single Gateway เพื่อเสรีภาพและความยุติธรรม 
#ทำไมผมต้องเดินออก..... by Netiwit Chotiphatphaisal

- รองอธิการบดีไม่รักษาสัญญา

- ฝนตกกลับบังคับ ให้นิสิต นั่งตากฝน ขณะที่ อาจารย์มีร่ม

ยังมีอาจารย์มาทำร้ายร่างกาย เพื่อนผม(รองประธานสภานิสิตฯ)

เนเน่ได้เขียนสรุปไว้ว่า......


"....สังคมปัญญาชนด้วยแล้ว อย่างแรกที่มหาวิทยาลัยควรจะทำมิใช่การแจ้งข้อมูลตรงนี้หรือ และเปิดพื้นที่ให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการ

นี่คือสาเหตุว่าทำไมปีที่แล้วผมในฐานะนิสิตใหม่จึงต้องโค้งแล้วออกไป เพื่อเป็นการส่งสาส์นว่าถึงเวลากลับมาฟังพระบรมราชโองการ

และในปีนี้ ผมได้ทำการประนีประนอมแล้ว บอกทางรองอธิการบดีรวมถึงทำหนังสือบอกอบจ.แล้ว แจ้งประสงค์ให้มีพื้นที่คนที่ต้องการทำตามพระบรมราชโองการ แต่ก็หาเป็นผลไม่

มหาวิทยาลัยในพระนามและแหล่งความรู้ไม่มองในมิติอื่นๆเลยนอกจากทำตามคำสั่งของคนซึ่งอาจจะไม่ทราบถึงพระราชประสงค์เมื่อ 20 ปีก่อน

และยังบีบบังคับให้คนที่ต้องการแสดงความภักดีต้องมีสีผมในลักษณะเดียวกัน ยึดข้อมือกำไรต่างๆ ทั้งที่นี่คือการถวายความคำนับต่อพระผู้ทรงสร้างความทันสมัยและต้องการให้มนุษย์เท่ากัน กลับพยายามสร้างความศักดิ์สิทธิ์ อันไม่ใช่ลักษณะของสังคมแห่งปัญญาเลย
ในฐานะประธานสภานิสิตที่ได้รับเกียรติให้มางานนี้ ผมจึงต้องแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมอีกครั้งหนึ่ง

ทำในสิ่งที่เป็นพระราชปณิธานต่อหน้าพระองค์ แม้คนอื่นๆจะลืมเลือนความสำคัญของสิ่งที่พระองค์ทำนี้ไปแล้วและเดินออกไป ...."

#KamhaengTeam

งานนี้ มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นเดิมพัน


หมายเหตุ : ใครทราบชื่อ นามสกุลของ อาจารย์ วิญญาณจิ๊กโก๋ คุมคิวรถ แจ้งหลังไมค์ด้วย

>>>>>>>>>>>>>>>>>>

Netiwit Chotiphatphaisal added 3 new photos.
2 hrs · Bangkok, Thailand ·

สวัสดีครับเพื่อนๆ
วันนี้เป็นวันถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560
แทนที่จะเกิดความปีติ แต่กลับจัดงานอย่างผิดพลาด

ตอนแรกสุดบอกว่าจะให้พื้นที่สำหรับคนยืนเคารพ
รองอธิการบดีสัญญากับผมก่อนงานว่า ถ้าฝนตกจะให้เด็ก
โค้งคำนับแล้วจบ เพราะเด็กจะเปียก จะเป็นไข้ได้ แต่เป็นว่าให้หมอบกราบถวายบังคมเหมือนเดิม พอฝนเริ่มตกหนักก็ยังแจกแผ่นกันฝนเล็กๆให้เด็ก แล้วก็ไม่พอด้วยหลายๆคนก็ยังต้องตากฝนอีกเพื่อหมอบกราบถวายบังคม ที่ไม่รู้เวล่ำเวลาหรือคิดถึงนิสิตใหม่

ในขณะที่พวกครูอาจารย์มีร่มเตรียมมา
สภานิสิตและอบจ นั้นไม่มีร่มให้ เปียกโชก

ผมทนไม่ได้ ผมกับเพื่อนหลายคน ซึ่งมีหลายเหตุผลด้วยกันจึงเดินออกมา

นอกจากนี้ ยังมีอาจารย์มาทำร้ายร่างกาย ล็อคคอ กระชากดึงเพื่อนผม ด่าอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาจารย์

------------------------

สำหรับเหตุผลของผมที่ผมต้องเดินออกนอกจากฝนตก รองไม่ทำตามคำสัญญาแล้ว ยังมีเหตุผลอีกดังนี้:

ปีที่แล้วกับปีนี้แตกต่างกัน ปีที่แล้วผมยังเป็นนิสิตเพิ่งเข้าใหม่
แต่ในปีนี้ ผมเป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ซึ่งก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมได้มายืนอยู่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ของทั้งสองรัชกาล

เฝ้ามองและยืนนิสิตใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการถวายบังคม
อย่างไรก็ดี สำนึกของการที่เป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ ก็มาพร้อมกับการที่ต้องรักษาเกียรติภูมิ วัฒนธรรมที่ดีงามในสังคมปัญญาชนให้งอกงามต่อไป

ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนจากชื่อพระนามของรัชกาลที่5 ซึ่งได้ถูกอัญเชิญมาเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย

ในส่วนตัวของผมแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้เป็นประธานฯ ก็รู้สึกปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเห็นว่าสยามประเทศจะเจริญงอกงามได้นั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันสมัย ไม่แพ้กับชาติตะวันตก ทรงเห็นว่าของเก่าบางอย่างนั้นที่ทำมา บัดนี้สมควรเลิกได้แล้ว มนุษย์ไม่สมควรจะกดขี่กันและกัน กริยาท่าทางนั้นสำคัญ ควรจะให้ไม่เกิดการดูเหลื่อมล้ำขึ้น เหมือนลักษณะสังคมทาสดั้งเดิม ดังทรงพระมหากรุณาธิคุณในการยกเลิกทาสและธรรมเนียมแบบทาสแม้ต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์ก็ต้องการให้พวกเราแสดงความเคารพอย่างเป็นมนุษย์เสมอภาค ทรงประกาศพระบรมราชโองการยกเลิกธรรมเนียมหมอบคลานถวายบังคม ในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนับว่าเป็นกฎหมาย และยังไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอทีจะยกเลิกพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นนี้

ด้วยความสำนึกในฐานะพลเมืองรุ่นใหม่ ในฐานะนิสิตในมหาวิทยาลัยตามพระนาม และประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่อาจปฏิเสธถึงวิสัยทัศน์อันยาวไกลของพระองค์นี้ได้เลย ได้พิจารณาไตร่ตรองดีแล้วและเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรน้อมทำตามอย่างยิ่ง

กระนั้นก็ตาม ผมก็เกิดความสับสน เหตุใดมหาวิทยาลัยที่ตั้งตามพระนามและเป็นสังคมปัญญาชนถึงสร้างธรรมเนียมขึ้นมาใหม่ให้กลับไปกราบไหว้ถวายบังคม ซึ่งธรรมเนียมการถวายบังคมนี้ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ของเก่า แต่เป็นของใหม่ที่มีมาเมื่อยี่สิบปีก่อน

โดยก่อนหน้านี้มีการฟื้นฟูมาบ้างในสมัยรัฐบาลทหาร แต่นั่นก็ทำไปเพราะมีเป้าหมายทางการเมืองมิใชหรือ โดยพวกเขาไม่อ่านตามพระราชประสงค์

พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่า เมื่อพระองค์เจ้าหญิงผ่อง พระธิดาของพระองค์ไม่ยอมทำตามพระราชประสงค์ พระองค์ถึงขนาดดึงผมขึ้นมาเลย และไม่รู้เพราะไม่มีเวลาศึกษาเพียงพอว่า นี่เป็นพระบรมราชโองการ และเป็นกฏหมาย

ถ้าหากพระองค์ทรงเห็นพวกเราเข้าในวันนี้ที่มาถวายสัตย์ พระองค์จะทรงรู้สึกเช่นไร

ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานประเทศและเป็นหนึ่งในครูกฎหมายชั้นแนวหน้า ศิษย์กรมราชบุรีฯและผู้คอยติดตามสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

ได้แสดงทัศนะต่อเรื่องนี้ที่เขาเห็นการรื้อฟื้นธรรมเนียมที่ไม่ทำตามพระราชประสงค์ว่า

"พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ได้ปฏิบัติตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ โดยเฉพาะกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระอาจารย์กฎหมายสยาม ได้ทรงสั่งสอนตามพระราชประสงค์ ของพระราชบิดา...นิสิตนักศึกษานักเรียนก็ถูกบังคับให้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมนั้น ซึ่งท่านย่อมทราบแล้ว คำพิพากษาฎีกาบางฉบับก็มี ผู้พิพากษาบางนายได้ตัดสินคดีโดยอาศัยประเพณีเก่าเป็นข้ออ้าง ลงโทษผู้ต้องหา

" ผมจึงคิดว่าถ้ารัชกาลที่ ๕ มีญาณวิถี และโดยเฉพาะกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เห็นการฟื้นขนบธรรมเนียมประเพณีทาสอันเป็นการขัดพระราชประสงค์และขัดต่อเจตนารมณ์ทางกฎหมายแล้ว พระองค์จะทรงมีความรู้สึกอย่างไร "


สังคมปัญญาชนด้วยแล้ว อย่างแรกที่มหาวิทยาลัยควรจะทำมิใช่การแจ้งข้อมูลตรงนี้หรือ และเปิดพื้นที่ให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการ

นี่คือสาเหตุว่าทำไมปีที่แล้วผมในฐานะนิสิตใหม่จึงต้องโค้งแล้วออกไป เพื่อเป็นการส่งสาส์นว่าถึงเวลากลับมาฟังพระบรมราชโองการ

และในปีนี้ ผมได้ทำการประนีประนอมแล้ว บอกทางรองอธิการบดีรวมถึงทำหนังสือบอกอบจแล้ว แจ้งประสงค์ให้มีพื้นที่คนที่ต้องการทำตามพระบรมราชโองการ แต่ก็หาเป็นผลไม่

มหาวิทยาลัยในพระนามและแหล่งความรู้ไม่มองในมิติอื่นๆเลยนอกจากทำตามคำสั่งของคนซึ่งอาจจะไม่ทราบถึงพระราชประสงค์เมื่อ 20 ปีก่อน

และยังบีบบังคับให้คนที่ต้องการแสดงความภักดีต้องมีสีผมในลักษณะเดียวกัน ยึดข้อมือกำไรต่างๆ ทั้งที่นี่คือการถวายความคำนับต่อพระผู้ทรงสร้างความทันสมัยและต้องการให้มนุษย์เท่ากัน กลับพยายามสร้างความศักดิ์สิทธิ์ อันไม่ใช่ลักษณะของสังคมแห่งปัญญาเลย

ในฐานะประธานสภานิสิตที่ได้รับเกียรติให้มางานนี้ ผมจึงต้องแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมอีกครั้งหนึ่ง

ทำในสิ่งที่เป็นพระราชปณิธานต่อหน้าพระองค์ แม้คนอื่นๆจะลืมเลือนความสำคัญของสิ่งที่พระองค์ทำนี้ไปแล้วและเดินออกไป

อ่านต้นฉบับ : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1509312492466109&set=pcb.1509313562466002&type=3

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.