Posted: 18 Feb 2018 01:06 AM PST (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เว็บไซต์ประชาไท)
อนินท์ญา ขันขาว
ในขณะนี้ถ้าจะเรียกประเทศไทยว่าเป็น “เผด็จการ” ก็คงสามารถเรียกได้อย่างไม่มีข้อแม้ หลายๆคนทำอะไรขณะนี้ มักอ้างว่า รัฐบาลเผด็จการ การทำอะไรในสังคมทุกอย่างเผด็จการก็คงไม่ผิด หาก คสช สืบทอดอำนาจต่อไป คนไทยคงลืมจริงๆ ว่าประชาธิปไตยคืออะไร สะกดอย่างไร
แม้ในอดีตกาลสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการอุปถัมภ์ ไปเสียทุกสิ่ง ระบบราชการเสื่อมถอย ทุจริตโกงกินกันอย่างไม่สนใจใยดีสภาพสังคมที่ รวยกระจุก จนกระจาย ประชาชนหลายคนโหยหาความสะดวกสบายพยายามทำทุกวิธี แต่ผู้มีอิทธิพล ยังคงครอบครองสิ่งต่างๆ ของประเทศไว้ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ภาพของระบบอุปถัมภ์มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบการศึกษา
สถาบันการศึกษาสถานที่ จำลองของการใช้ชีวิต การเรียนรู้ สถานที่ผลิตปัญญาชนผู้มีความรู้ความสามารถ แต่การเรียนเพียงอย่างเดียวมิได้สร้างให้ คนในสังคมสามารถอยู่ในสังคมอย่างมีทักษะและใช้ความรู้ นำไปสู่การประสบความสำเร็จสูงสุด ระบบการศึกษาไทยไม่ได้ฝึกฝนให้เด็กเรียนรู้เรื่องสังคมมากพอ ไม่ฝึกให้เด็กคิด มีค่านิยมผิดๆ เช่น เกรดดีคือเรียนเก่ง ห้องวิทย์-คณิต คือ ฉลาด มีศักยภาพ เลือกสถาบันการศึกษา ที่แพงที่สุด ค่านิยมดีที่สุดซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพของโรงเรียนรัฐบาลกับโรงเรียนเอกชน คุณภาพการศึกษา แตกต่างกัน แต่ในฟินแลนด์ ทุกโรงเรียนเท่ากัน และผลการสอบออกมาคือ อันดับ 1 ทั้งนี้การศึกษาไทยมีกฎระเบียบที่มากเกินไป ทำให้เด็กบางคนไม่สามารถอยู่ในกรอบของกฎระเบียบบางอย่างได้ อาจเป็นเพราะว่ารับรู้จากต่างชาติและเกิดการเปรียบเทียบว่าบางสิ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเรียน เช่น ทรงผม เครื่องแบบการแต่งกายเป็นต้น
หากมีการฝึกฝนให้เด็กรู้กาลเทศะว่า การแต่งตัวอย่างไรเหมาะสม ความประพฤติแบบไหนเป็นสิ่งที่ดีเด็กก็สามารถคิดได้โดยไม่ต้องพึ่ง กฎ ระเบียบ หรือมีกฎระเบียบแต่การฝ่าฝืนน้อยลงก็จะส่งผลต่อ การละเมิดกฎหมายของสังคมที่น้อยลงเช่นกัน
ซึ่งการเคารพกฎหมายเท่ากับเคารพตนเอง จึงเป็นการสร้างฐานพลเมืองที่เข้มแข็ง นอกจากนี้พลเมืองไทยแห่งอนาคตที่พึงปรารถนา ควรมีควรตระหนักต่อสิ่งดังต่อไปนี้
1.มั่นใจในตนเองอย่างมีเหตุผล โดยเฉพาะ เหล่าปัญญาชน ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าตนเอง แต่ปัจจุบันเกิดการเข้าใจผิดในเสรีภาพจะทำอะไรตามใจชอบโดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะเดือดร้อนใครหรือไม่ เช่น การสูบบุหรี่ ในที่สาธารณะ การสูบบุหรี่ส่งผลต่อคนข้างๆอย่างแน่นอนและเท่ากับว่ากำลังละเมิดสิทธิผู้อื่น
2.อุดมการณ์ในการดำรงชีวิต คือ เป้าหมายในทุกๆสิ่ง การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ ต้องเข้าใจว่าอุดมการณ์เป็นสิ่งสำคัญมิใช่เพียงทางการเมือง แม้ว่าอุดมการณ์จะเกิดขึ้นยากเนื่องจากต้องใช้พลังมหาศาลแล้ว หากมันได้ก่อเกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับคุณประโยชน์ของสังคมจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจและเป็นที่ยกย่องในสังคม
3.รักษาผลประโยชน์ของชาติเท่ากับรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ในกรณีประเทศไทยสภาพสังคมปัจจุบันที่หลายๆสิ่งแย่ลง การที่หลายคนลุกขึ้นมาทวงคืนสิทธิของคนทั้งชาติเท่ากับว่าเขาทวงคืนสิทธิ เสรีภาพของเขา ทั้งนี้ความเสื่อมถอยของสภาพสังคม ก็เท่ากับว่าชีวิตของเขาเสื่อมถอย การรักษาผลประโยชน์จึงเป็นสิ่งที่พลเมืองไทยในปัจจุบันพึงมี ไม่ควรเกิดการขัดขวาง อย่างเช่นทุกวันนี้ที่ประชาชนหมดสิทธิ์ ไร้เสียง ถูกกลุ่มคนที่มีอำนาจในสังคมเข้าควบคุมปิดกั้นทางความคิด นิสิตนักศึกษา แนวคิดก้าวหน้าถูกขัดขวางทุกวิถีทางใช้กฏหมายรังแกคนบางคนตามใจชอบและเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจนหลายกรณี
4.จิตวิญญาณของการเป็นนักสู้ สืบเนื่องจากข้อ 3 ชีวิตคือการต่อสู้ คนเราต่อสู้ตั้งแต่เกิดจนตาย แต่เมื่อใดที่มีคนลุกขึ้นสู้แล้วถูกกีดกัน เมื่อนั้นความเก็บกดก็จะบังเกิดขึ้นโดยที่รอวันปะทุขึ้นมา บางคนสู้จนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก เช่น อองซาน ซูจี มหาตมะ คานธี วิลเลียม วอลเลซ เป็นต้นบุคคลเหล่านี้เป็นนักสู้ที่อดทนอดกั้นต่อสภาพสังคมกันมามากพอสมควร ทั้ง3 ต่อสู้เพื่อสังคมมิใช่เพียงเพื่อตนเอง จึงทำให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับโลก
5.ความสามัคคีของคนในชาติ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด แต่อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าคนไทยบางส่วนเริ่มชินชากับสภาพสังคม เผด็จการ ปัจจุบันจนมีการนำวิธีเผด็จการมาใช้ อย่างชัดเจนมากกว่าที่ผ่านมา เช่น การไม่ยอมรับในความคิดเห็นของผู้อื่นคิดต่างคือศัตรู คิดต่างต้องแตกแยก แบ่งพรรคพวก สร้างชนชั้นทางสังคม ทำให้ความสามัคคี ลดลงในสังคม หากสังคมเป็นเช่นนี้ เมื่อกลับสู่การเลือกตั้งการประท้วงต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากมีทั้งฝ่ายที่ชอบเผด็จการเรียกร้องทหารออกมา และฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องการสิทธิเสรีภาพ ต้องการใช้สิทธิ์อันพึงมีของตน
สิ่งที่พลเมืองไทยควรมี ควรตระหนักดั่งข้างต้น ไม่ว่าจะในปัจจุบัน หรือที่คาดว่าจะมีในอนาคตล้วนเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่สามารถกระทำได้ แต่ถ้าหากเกิดการขัดขวางหรือไม่ได้รับการฝึกฝนหรือมีมาตรการต้องห้ามออกมาแล้ว การเป็นพลเมืองก็จะเกิดขึ้นน้อยหรือแทบไม่เกิดขึ้นกับคนทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นหลัง การพัฒนาคุณภาพของประชาชนก็จะเป็นสิ่งที่ยากแก่ความสำเร็จทั้งในระดับบุคคล สังคม และประเทศชาติ
แสดงความคิดเห็น