‘สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี’ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Supalak Ganjanakhundee สรุปรายงานการประเมินภัยคุกคามทั่วโลก ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2018 ในส่วนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ระบุว่า ความจริงรายงานนี้ออกมาตั้งแต่ก่อนวาเลนไทน์ แต่เห็นรอยเตอร์เพิ่งหยิบมาเล่นเป็นข่าวตอนต้นสัปดาห์ เพื่อนฝูงก็แปลมา เนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยมีไม่มากนัก ถ้าจะว่าไปแล้วทั้งภูมิภาคของเราก็พูดถึงแค่หน้าเดียว ดังนี้

ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2018 ยังคงเปราะบางอยู่มากเพราะอัตาธิปไตยมีแนวโน้มจะหยั่งรากลึกมากขึ้น การทุจริตคอร์รัปชั่นและระบบเครือญาติกำลังบ่อนเซาะคุณค่าแห่งประชาธิปไตย หลายประเทศก็พยายามจะรักษาความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายต่างประเทศท่ามกลางอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตของจีน

ในกัมพูชา ฮุนเซน ปราบปรามขบวนการประชาธิปไตย และประชาสังคมอย่างหนัก โดยเฉพาะกลไกรัฐสถาบันตุลาการ ระบบอุปถัมภ์และความรุนแรงทางการเมืองเพื่อรับประกันว่าเขาจะได้อยู่ในอำนาจต่อไปหลังการเลือกตั้งในปี 2018 นี้ ฮุนเซนละทิ้งพันธมิตรตะวันตก หันไปพึ่งพิงจีนทั้งในด้านการเงินและการเมือง ซึ่งก็ส่งผลให้กัมพูชาใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น

ปัญหาวิกฤตโรฮิงญา ซึ่งผู้อพยพกว่า 600,000 หนีจากรัฐยะไข่ไปบังคลาเทศในเวลานี้เป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยที่เปราะบางของพม่าอย่างยิ่ง เสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงจากพวกสุดโต่ง และเปิดโอกาสให้จีนเข้าแทรกแซงขยายอิทธิพลได้

ในฟิลิปปินส์ดูเตอร์เตจะทำสงครามยาเสพติดต่อไป เขาประกาศว่าอาจจะต้องระงับการใช้รัฐธรรมนูญเพื่อทำการ ปฎิวัติ ประกาศกฎอัยการศึกในมินดาเนาตลอดปี 2018 เพื่อตอบโต้กับพวกไอเอสในมาลาวี

สำหรับประเทศไทย ผู้นำไทยสัญญาว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปลายปี 2018 แต่รัฐธรรมนูญใหม่กำลังจะสถาปนาอิทธิของทหารอย่างแข็งแกร่ง




ทั้งนี้ สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ การประเมินภัยคุกคามทั่วโลก ของหน่วยข่าวกรองสหรัฐ 2018[right-side]

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.