ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เล่าถึงความประทับใจในการสนทนากับคนรุ่นใหม่ว่า วันนี้เป็นอีกวันที่ได้มีโอกาสไปทำงาน และสนทนาแลกเปลี่ยนกับคนรุ่นใหม่ อายุ 18-25 ปี

อย่างที่ผมเคยบอกไปในโพสก่อนๆว่า ผมไม่เคยรู้สึกว่าตนเองแก่มาก่อน ผมเข้ามาเป็นอาจารย์ตั้งแต่อายุน้อยๆ ไปที่ไหนก็อายุน้อยสุดในวง ทำงานกับคนอายุมากกว่าบ่อยๆ ผมก็เลยรู้สึกอายุน้อยตลอด แต่พอมาคุยกับวงคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ พบว่าเราแก่จริงๆ ภาษา ชุดคำพูด วิธีคิด เป็นอีกแบบที่ต่างจากคนรุ่นผมไปแล้ว

เราสนทนากันกว่า 30 คน ประมาณ 3 ชั่วโมง ผมฟังเป็นส่วนใหญ่ และฟังด้วยความตื่นเต้น คิด บันทึกตามตลอด ไม่มีอาการง่วงนอนหรือเบื่อเลย ไม่เหมือนเวลาประชุมในระบบราชการที่อยากจะเอางานอย่างอื่นมาทำไปด้วยมาก เพราะ รู้สึกไม่ค่อยได้สาระอะไร

ผมพบว่า คนรุ่นใหม่มีความคิดสร้างสรรค์ดีๆเยอะ และเขารู้ปัญหาในเรื่องที่เขาคลุกคลีอยู่ พวกเขาสะท้อนออกมาได้ชัดเจนว่า ประเทศไทยขาดอะไร ทำไมถึงไปได้ไม่ถึงไหน

แต่ละคนสามารถพูดเรื่องการศึกษา เยาวชน สาธารณสุข LGBT เทคโนโลยี ศิลปะ วัฒนธรรม ความเหลื่อมล้ำ เกษตร ฯลฯ จนผมอดมาย้อนมองตนเองไม่ได้ว่า ตอนผมอายุรุ่นๆเขา ผมยังไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า เที่ยว ดื่ม เรียนให้ได้คะแนนดีๆ ไปเรียนต่อต่างประเทศ

คนอายุ 18-25 ปี เป็น "รุ่น" ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งในช่วงหลายปีนี้ แต่กลับต้องมารับผลพวงของ "ทศวรรษที่สูญหาย" นี้

พวกเขาต้องมาแบบรับภาระจากการปกครองของเผด็จการทหาร และสิ่งต่างๆที่เผด็จการทหารและชาวคณะผู้ชราทิ้งไว้ให้

สภาพการณ์เช่นนี้ไม่เป็นธรรมต่อพวกเขาเลย

คนชราพวกนี้ นอกจากไร้ความสามารถในการส่งมอบสังคมที่ดีให้กับคนรุ่นถัดๆไป พวกเขากลับมอบกองภาระอันเป็นปมปัญหาหยั่งรากลึกให้แทน

คนชราที่มีความคิดติดอยู่ในยุคสงครามเย็น ไล่ตามเทคโนโลยีใหม่ๆ โลกใหม่ๆไม่ทัน

คนชราที่เล่นไลน์เป็นแค่ ส่งรูปดอกไม้ ยิ้มแย้มสวัสดียามเช้า

คนชราที่ล้าสมัยแต่คิดว่าตนเองทันสมัยและต้องการส่งมอบยุคสมัยในแบบพวกเขาให้แก่คนรุ่นใหม่

คนชราเหล่านี้ ไม่มีความชอบธรรมแม้แต่น้อยที่จะกำหนดอนาคตประเทศ

สิ่งที่ผมประทับใจมากเวลาสนทนากับคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ คือ พลัง อินเนอร์จากภายใน ความมุ่งมั่นตั้งใจ และพร้อมที่จะลงมือทำต่อสู้ไปด้วยกัน

การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้น ไม่สามารถทำได้ชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลา อดทน มุ่งมั่น แต่การใช้เวลา ไม่ได้หมายความว่า รอเวลา อย่างเดียวโดยไม่ลงมือทำ

ผมเชื่อว่ายังมีคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดดีๆและมุ่งมั่นตั้งใจอยากเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ทำการเมืองแบบใหม่ให้ประเทศนี้อีกมาก

"การเมือง" เป็นเรื่องของเรา หากเราไม่ทำ คนอื่นก็จะเข้ามาทำ หากเราต้องการให้การเมืองเป็นแบบใด เราต้องลงมือทำเอง

ประเทศไทยจะเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องไม่ส่งมอบสังคมแบบ "ทศวรรษที่สูญหาย" ให้กับคนรุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นถัดๆไป

ต้องร่วมทวงคืนอนาคตของเรากลับมาจากเผด็จการทหารและชาวคณะผู้ชรา


source : https://www.komkhao.com/

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.