Posted: 06 Nov 2018 06:46 AM PST
Submitted on Tue, 2018-11-06 21:46
กลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม รายงาน
นศ. มหา'ลัยมหาสารคาม เผย จนท.นอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์ ขณะจัดวงถก 'การเมืองภาคประชาชนในประเทศไทย : ระหว่างอุดมคติกับความเป็นจริง' วิทยากรชี้เหตุเสื้อเหลืองมีแต้มต่อจากการชูสัญลักษณ์ของสถาบัน เพราะอุดมการณ์หลักของชาติ
6 พ.ย.2561 เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลา 13.00 - 16.00 น. ที่วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม จัดงานเสวนาทางวิชาการภายใต้หัวข้อ 'การเมืองภาคประชาชนในประเทศไทย : ระหว่างอุดมคติกับความเป็นจริง' โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย ดร.กรพินธุ์ พัวพันธ์สวัสดิ์ ศราวุฒิ วิสาพรม อาจารย์จากวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ภายในงานมีนิสิตผู้ที่สนใจเข้าร่วมและมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้ามาสังเกตการณ์ แต่บรรยายกาศในห้องเสวนาก็ดำเนินการต่อไปอย่างราบรื่น
สำหรับเนื้อหาในการบรรยายโดยสรุปนั้น ดร.กรพินธุ์ ได้กล่าวถึงการเมืองภาคประชาชนและสถานการณ์ทางการเมืองในห้วงระยะเวลาหลังรัฐประหารปี 2549 - หลังรัฐประหารปี 2557 รวมถึงอุดมคติในมุมมองที่หลากหลาย และ ศราวุฒิ ได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์ทางการเมืองและการเคลื่อนไหวภาคประชาชนตั้งแต่ปี 2535 รวมถึงการเมืองบนท้องถนน
ขณะที่ในช่วงบรรยากาศการแลกเปลี่ยนระหว่างนิสิตกับวิทยากรในงานเสวนา ได้แลกเปลี่ยนในประเด็นเรื่องพลังของนิสิต และคนรุ่นใหม่ต่อการเมืองภาคประชาชน
ต่อคำถามที่ว่า ทำไมคนเสื้อเหลืองชูสัญลักษณ์ของสถาบัน มีแต้มต่อในการต่อสู้หรือไม่อย่างไร นั้น ศราวุฒิ ตอบว่า “เป็นวัฒนธรรมที่ต้องการดึงสัญลักษณ์มาเป็นการต่อสู้ เนื่องจากสถาบันนั้นเป็นอุดมการณ์หลักเป็นสัญลักษณ์ในการทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน”
ในช่วงตอนหนึ่ง ดร.กรพินธุ์ กล่าวว่า “การต่อสู้ภาคประชาชนที่หลายๆ ท่านอาจยังไม่ทราบกัน อาจารย์ขอยกตัวอย่าง เช่น กรณีของคุณลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ที่ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นการต่อต้านเผด็จการทหาร และถือได้ว่าเป็นการเมืองภาคประชาชนเช่นกัน”
ส่วนคำถามที่ว่า พลังของนิสิตนักศึกษาต่อการเมืองภาคประชาชนในปัจจุบันและสถานการณ์การต่อสู้ภาคประชาชนของของนิสิตนักศึกษาตอนนี้เป็นอย่างไร นั้น ดร.กรพินธุ์ ตอบว่า “ในปัจจุบันการเมืองและสังคม บริบทสถานการณ์มันเปลี่ยนไปกระบวนการต่อสู้ของนิสิตนักศึกษาในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปตามบริบทของสังคม มีการเกิดกระบวนการต่อสู้แบบใหม่ๆ เป็นพลังของคนรุ่นใหม่เอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ทั้งนั่น อาจารย์เองยังมีความหวังกับพลังบริสุทธิ์ พลังคนรุ่นใหม่พลังของนิสิตนักศึกษา ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน”
จากการเสวนาแสดงให้เห็นถึงพลังของนิสิตนักศึกษาที่พยายามขับเคลื่อนในเรื่อง สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด ในยุคที่ประชาชนถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพ
แสดงความคิดเห็น