'ภาคีแพทย์ฉุกเฉิน' เสนอ 5 ข้อ ต่อรัฐบาล เน้นรถพยาบาลปลอดภัย-หมายเลขฉุ กเฉินเบอร์เดียว
Posted: 01 Apr 2016 10:49 AM PDT (อ้างอิงจากอีเมล์ข่าว เวบไซท์ประชาไท)
ภาคีเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉินยื ่น ข้อเสนอเชิงนโยบาย เน้นรถพยาบาลปลอดภัย-หมายเลขฉุก เฉินเบอร์เดียว-กำหนดหลักสูตรสอ นการปฐมพยาบาลในทุกระดับต่อรั ฐบาล
1 เม.ย. 2559 ที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้จัดประชุมวิชาการการแพทย์ฉุก เฉินระดับชาติ ครั้งที่ 10 ประจำปี พ.ศ. 2559 ภายใต้หัวข้อ “"เคลื่อนว งล้อคุณภาพการแพทย์ฉุกเฉินไทย” เป็นวันสุดท้าย โดย นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน แห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ ฉุกเฉินได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล และเสนอแนะความคิดเห็นเพื่อร่วม กันพัฒนา ขับเคลื่อนวงล้อระบบการแพทย์ฉุก เฉินของไทยให้มีความสมบูรณ์และม ีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสถิติการออกปฏิบั ติการทางการแพทย์ฉุกเฉินกว่า 1.4 ล้านครั้ง และในอนาคตคาดว่าจะมีแนวโน้มการ เข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทำ ให้เราต้องเร่งพัฒนาระบบให้มีคุ ณภาพ ได้มาตรฐาน และครอบคลุม
“ที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้ร่วมกัน ทำงานเป็นอย่างดี ร่วมกันปรับปรุงคุณภาพ และฝึกอบรมอย่างหนัก ซึ่งบางครั้งการช่วยเหลือผู้ป่ว ยและส่งต่อผู้ป่วยก็ทำได้ลำบาก ทั้งต้องเคลื่อนย้ายผ่านรถ ส่งต่อผ่านเรือหรือเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากบางพื้นที่เข้าถึงลำบา ก มีระยะทางที่ห่างไกล แต่ทีมผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ ฉุกเฉินก็ไม่เคยย่อท้อ บางครั้งคิดถึงความปลอดภัยของผู ้ป่วยมากกว่าตนเอง ทำให้เราสามารถปิดช่องว่างในระบ บการแพทย์ฉุกเฉินไปได้มาก ซึ่งตนเองขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุ กคน ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ป่วยฉุก เฉินทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทยให ้ปลอดภัย และเสียสละอย่างถึงที่สุดบนพื้น ฐานความปลอดภัยขณะปฏิบัติงาน ” นพ.อนุชา กล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนปิดการประชุม ผู้ปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายการแพทย์ฉุกเฉิ น ได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอเชิงนโยบา ยต่อการพัฒนาคุณภาพ การแพทย์ฉุกเฉินไทยต่อรัฐบาลผ่า นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุ ข 5 ข้อ ดังนี้ 1.ต้องกำหนดนโยบายให้มีหลักสูตร การเรียนการสอน การปฐมพยาบาล และการช่วยฟื้นคืนชีพ ในหลักสูตรการเรียนทุกระดับ 2.กำหนดให้มีหมายเลขฉุกเฉินเบอร ์เดียว และเร่งรัดการพัฒนาคุณภาพมาตรฐา น ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการทุกจ ังหวัด 3.กำหนดมาตรการรถพยาบาลปลอดภัย โดยกำหนดให้รถพยาบาลมีคุณลักษณะ ด้านความปลอดภัย และพนักงานขับรถผ่านการสอบใบขับ ขี่รถพยาบาลโดยเฉพาะ 4.กำหนดนโยบายการพัฒนาระบบฐานข้ อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ที่เชื่อมโยงภาคีเครือข่าย ทั้งระบบ และ 5 ปรับปรุงแก้ไขระเบียบ ข้อกฎหมายขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่น ให้เอื้อต่อการดำเนินการ และการบริหารจัดการระบบการแพทย์ ฉุกเฉิน
ขณะที่ พญ.มยุรา กุสุมภ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุข ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข จะรับข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณา ซึ่งทุกภาคส่วนเองก็ต้องร่วมมือ กันเพื่อผลักดันระบบการแพทย์ฉุก เฉินไทยให้ก้าวหน้าด้วย อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่กระ ทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำและให้ ความสำคัญที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติ การทางการแพทย์ฉุกเฉิน ความปลอดภัยของรถพยาบาล เพื่อให้สามารถส่งต่อผู้ป่วยฉุก เฉินได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้อ อกนโยบายเพื่อช่วยป้องกันอุบัติ เหตุ และให้ทุกหน่วยงาน โรงพยาบาลต่างๆ นำไปเป็นแนวทางในปฏิบัติ คือ 1 บุคลากรทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบ รม โดยเฉพาะพนักงานขับรถพยาบาล และที่สำคัญอยากให้พนักงานทุกค นได้ทดลองมานอนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉ ินด้วย เพื่อให้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ แท้จริง เพื่อให้บริการอย่างเหมาะสม และคำนึกถึงความปลอดภัยมากที่สุ ด 2. สนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในร ถพยาบาล ทั้งการติดตั้งกล้องซีซีทีวี การติดจีพีเอส เพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัต ิการ และ 3.เน้นย้ำเสมอว่าการขับรถเร็วไม ่ได้หมายความว่าจะทำให้ผู้ป่วยป ลอดภัยที่สุด เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อส ารมีความก้าวหน้ามากขึ้น ดังนั้นขณะส่งต่อผู้ป่วย หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถสื่อ สาร ปรึกษาอาการผู้ป่วยกับศูนย์รับแ จ้งเหตุและสั่งการได้ และยังสามารถประสานการเตรียมพร้ อมรับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมด้ว ย ซึ่งดีกว่ารีบไปถึง ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม และแนวทางนี้จะทำให้ผู้ป่วยฉุก เฉินปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือไม่ทำให้บุคลากรท างการแพทย์ต้องเสี่ยงไปด้วย โดยเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได ้กำหนดนโยบายให้ขับรถพยาบาลได้ ไม่เกิน 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎจรา จรทุกครั้ง ไม่จำเป็นก็ไม่ควรฝ่าไฟแดง
“ส่วนตัวขอชื่นชมผู้ปฏิบัติงานท ุกคนที่เสียสละ และร่วมแรงร่วมใจในการทำงาน โดยผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุ กเฉินทุกคนถือเป็นบุคลากรที่มีค วามสำคัญมาก ดังนั้นหากทำงานด้วยความปลอดภัย ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเ ฉินให้มีความปลอดภัยต่อไปด้วย” พญ.มยุรา กล่าว
นอกจากนี้การประชุมวิชาการครั้ง นี้ยังมีการมอบรางวัลให้บุคลากร ทางการแพทย์ฉุกเฉินที่เสียสละ อาทิ นางศรีกัญญา เชื้อรถ พยาบาลวิชาชีพที่ช่วยชีวิตนักท่ องเที่ยวชาวเยอรมันขณะประสบอุบั ติเหตุ , นายแพทย์ศุภฤทธิ ศิลรัตน์ แพทย์ที่เชิญชวนให้ความสำคัญกับ การช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR และแนะนำให้ทุกคนมาร่วมกันฝึกโด ยไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์หรือพยา บาล และการมอบรางวัลให้กับผู้ปฏิบัต ิงานที่เสียสละ และต้องเสียชีวิตระหว่างการปฏิบ ัติหน้าที่ด้วย นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลให้ก ับบุคคลและหน่วยงานดีเด่นในการป ฏิบัติงานและวิชาการด้านการแพทย ์ฉุกเฉินอีกกว่า 100 รางวัล
แสดงความคิดเห็น