"อดีตรองประธานสภาฯ"เตือนอย่าทำผิด ม.61 พ.ร.บ.ประชามติ คดีต้องอาศัยการตีความเป็นหลัก "ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดี กินขี้หมาดีกว่า"
**********************************
กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 เม.ย.2559 เป็นต้นมา
.
กฎหมายฉบับบนี้มี 66 มาตรา แต่มีมาตราสำคัญที่หากท่านที่ชอบแสดงความคิดเห็นหรือเผยแพร่ความคิดเห็นพลั้งเผลอ อาจติดคุกคิดตะราง ถูกปรับและอาจถูกศาลสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้
.
มาตราที่ว่ามี 2 มาตรา ที่อยากหยิบยกมาทำความเข้าใจ คือ
.
มาตรา 7 บัญญัติว่า "บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงโดยสุจริตและไม่ขัดกฎหมาย"
มาตรานี้วางหลักไว้ว่า ในการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.59 นี้ ทุกคนมีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น และเผยแพร่ความคิดเห็นของตนได้ แต่ มีกรอบกำหนดว่า ต้องโดยสุจริต และไม่ผิดกฎหมาย
.
กรอบที่ว่าไปอธิบายขยายความอยู่ในมาตรา 61ซึ่งจะหยิบยกมาพูดเฉพาะที่อาจเกิดปัญหากับท่านที่แสดงความคิดเห็นและเผยแพร่ความคิดเห็นของท่าน ดังนี้
.
"มาตรา 61 ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้
.
(1) ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย"
.
คำว่า"ก่อความวุ่นวาย" มาขยายความอยู่ในวรรคสอง ของมาตรา 61 ว่า "ผู้ใดเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็คทรอนิคส์หรือช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริง หรือ มีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียง
ไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือ ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ไม่ออกเสียง
.
ให้ถือว่าผู้นั้น กระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีบทลงโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท และศาลอาจสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 5 ปี
.
แต่ถ้าการกระทำความผิดนั้น ทำเป็นคณะบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1ปี ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
.
บทบัญญัติในกฎหมายประชามติฉบับนี้ ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็เป็นสิทธิของแต่ละท่าน แต่เมื่อประกาศใช้บังคับแล้ว ทุกคนก็ต้องพึงระวังอย่าเข้าข่ายกระทำความผิดอย่างที่ได้หยิบยกมา
.
ถึงวันนี้มีหลายท่านเจอคดีเข้าแล้ว ซึ่งคงต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการ ส่วนท่านที่ยังไม่โดนก็ระมัดระวังไว้ เพราะดูเหมือนใครเจอคดีลักษณะนี้คงต้องอาศัยการตีความเป็นหลัก ว่าผิดไปจากข้อเท็จจริงอย่างไร รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม และข่มขู่ หรือไม่
.
งานนี้ทั้งอัยการผู้ฟ้องคดี ทั้งจำเลย คงต้องนำสืบหักล้างกันอุตลุดละครับ
.
..หยิบยกเรื่องนี้เป็นความรู้แก่ท่านทั้งหลาย แต่ขอความกรุณาอย่าเขียนคอมเม้นท์อะไรโลดโผนโยงไปถึงการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญจนเข้าข่ายเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 61 เสียเองนะครับ
.
ขอร้อง ไม่ได้กลัว แต่เสียเวลา ดังคำพูดโบร่ำโบราณที่จำติดปากว่า "ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นคดี กินขี้หมาดีกว่า" 555
.
สามารถ แก้วมีชัย
อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
อดีตส.ส.เชียงรายหลายสมัย
ที่มา เฟซบุ๊ก Samart Kaewmechai
28 เม.ย.2559


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.