วงจรปิดเห็นชัด จับภาพ 7 คนร้ายอ้างเป็นตำรวจ ปส. บุกบริษัทลงทุนชื่อดังปล้นทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท
เมื่อเวลา 18 .00 น. วันที่ 27 เม.ย. 59 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายกิตติ อาย 54 ปี ประธานบริหารบริษัทจิตติพงษ์ จำกัด และ นางสาวจิตอาภา อายุ 39 ปี ภรรยา ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ปรึกษาด้านการลงทุนต่างประเทศ เลขที่ 401/1 หมู่ 2 ซ.งามวงศ์วาน 25 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี
มีคนร้าย 7 คน บุกเข้ามาในบริษัทเมื่อเวลา 16 .00 น. ของเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 59 ที่ผ่านมาโดยแอบอ้างว่าเป็นตำรวจยศสารวัตรจาก ปส. เข้ามาในบริษัทก่อนฉกทรัพย์สินในห้องทำงานประกอบด้วย แหวนเพชร 3 กะรัต เลสข้อมือเพชร 7 กะรัต สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง นาฬิกายี่ห้อปาเต๊ะฟิลลิป รวมทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไป ตนเองจึงได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ชาตรี ศรีจันทร์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา 
นายกิตติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าวันเกิดเหตุตนกับภรรยาคือ น.ส.จิตอาภา ออกไปติดต่อการค้าด้านนอก มีคนร้ายมาทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน บุกเข้ามาในบริษัทก่อนทำการตัดสายกล้องวงจรปิดจำนวน 4 ตัว ที่ติดตั้งอยู่ในบริษัทแล้วตรงเข้ามาในห้องทำงานของตนเองก่อนเปิดลิ้นชัดหยิบทรัพย์สินของภรรยาที่เก็บไว้ไปด้วย จากนั้นได้พูดจาข่มขู่ นายอรัญ อายุ 45 ปี โปรแกรมเมอร์ของบริษัทให้อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากตาย ก่อนจะใช้แฟลตไดร์ทดูดข้อมูลของบริษัทไปด้วย
โดย นายอรัญ จำได้ว่าหนึ่งในคนร้ายคือ นายนพ อายุ 54 ปี ที่เคยมานั่งเฝ้าภรรยาสาวที่ทำงานเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทแล้วลาออกไปก่อนหน้านี้ โดย นายนพ มักอ้างตัวว่าเป็นตำรวจยศสารวัตรชื่อสารวัตรจ๊าบ อยู่ ปส. ตนเองเลยไว้ใจให้เข้ามาที่บริษัททุกวันและไม่คิดว่าจะพาพวกมาที่บริษัทแล้วหยิบทรัพย์สินของภรรยา รวมทั้งดูดข้อมูลการลงทุนด้านต่างประเทศของบริษัทไปจนตนเองไม่สามารถดำเนินการในธุรกิจที่ทำอยู่ได้ทำให้การค้าได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นายนพ ยังได้ส่งไลน์และข้อความเข้ามาข่มขู่ตนและภรรยาขณะแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บนโรงพักแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายทำให้ตนและภรรยารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจเช็คข้อมูลของ นายนพ ตามประวัติทะเบียนราษฎร์แล้วพบเดิมคือ อดีตตำรวจชั้นประทวนในจังหวัดยะลาที่ถูกให้ออกจากราชการไปแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งชุดสืบสวนเร่งออกติดตามตัว นายนพ พร้อมกับพวกเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายได้ใช้แผ่นกระดาษปิดบังหน้ากล้องวงจรปิดหน้าบริษัท จากนั้นได้ผลักกล้องให้ส่องขึ้นด้านบนเพื่อไม่ให้จับภาพได้ แต่มุมล่างของกล้องยังสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้เกือบทั้งหมดกำลังเดินเข้าไปในบริษัท ต่อมากล้องตัวที่ 2 สามารถบันทึกภาพคนร้ายทั้ง 7 คนได้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยชาย 5 คน หญิง 2 คน เข้ามาภายในบริษัทและโวยวาย
รวมทั้งพยายามจะเข้าไปภายในห้องเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ แต่ นายอรัญ พยายามไม่ให้เข้าถึงข้อมูลโปรแกรมแต่ถูกขู่ฆ่า
ส่วนกล้องตัวที่ 3 พบว่า ด.ต. ยืนอยู่หน้าห้องและผู้หญิงชุดดำได้เข้าไปภายในห้อง หลังจากนั้นกล้องไม่สามารถบันทึกภาพได้เนื่องจากคนร้ายได้ถอดปลั๊กกล้องออก แต่ทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมข้อมูลได้หายไปทั้งหมด
จากการสอบสวนนางสาวเอ (นามสมมุติ) แม่ค้าขายของหน้าบริษัทดังกล่าว เปิดเผยว่า ขณะที่คนทั้งหมดประมาณ 5-6 คนเดินมาแล้วเอากระดาษปิดหน้ากล้อง ตนกำลังมีลูกค้าอยู่ คิดว่าเป็นคนของบริษัทดังกล่าว จากนั้นคนทั้งหมดได้เข้าไปด้านในมีการพูดคุยกัน ทั้งหมดอยู่ข้างในประมาณครึ่งชั่วโมงก็ออกไป

source :- FB

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.