ไฟแนนเชียลไทมส์ชี้ กรณีรัฐบาลทหารไทยกวาดจับคนโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ สะท้อนเจตนาผลักดันรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารให้ผ่านประชามติ
ในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า กรณีรัฐบาลทหารไทยปราบปรามผู้เห็นต่าง โดยกวาดจับประชาชนที่วิจารณ์รัฐบาลทหารและร่างรัฐธรรมนูญก่อนหน้าการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญนั้น เป็นความพยายามที่จะผลักดันให้ร่างฉบับนี้ผ่านประชามติ และกระชับอำนาจของคณะรัฐประหาร
ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลทหารไทยควบคุมตัวและแจ้งข้อหาประชาชนที่แสดงการประท้วงทั้งในที่สาธารณะและผ่านทางโซเชียลมีเดียรวมกว่า 20 คน บางรายถูกกล่าวหาว่าวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ “โดยใช้ถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย”
รายงานกล่าวว่า การกวาดล้างผู้แสดงออกทางการเมืองในรอบนี้ ตอกย้ำข้อกล่าวหาที่ว่า ทหารและกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งเป็นพันธมิตรกัน ไม่มีความตั้งใจที่จะให้การออกเสียงของประชาชนเป็นไปโดยเสรีและมีความหมาย ทั้งในการลงประชามติในเดือนสิงหาคมของปีนี้ และในการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า
นอกจากนี้ กรณีดังกล่าวยิ่งเน้นย้ำข้อกังขาที่ว่า บรรดานายพลของไทยจะทำตามคำสัญญา ที่จะนำพาประเทศกลับคืนสู่ระบอบการปกครองโดยพลเรือน หรือไม่
“พวกเขาต้องการใช้การออกเสียงประชามติเป็นเสมือนการออกเสียงเลือกตั้ง เป็นเครื่องประทับตราความชอบธรรมให้แก่การคงอำนาจควบคุมของทหารไว้ต่อไป” สุณัย ผาสุข นักวิจัยอาวุโสของฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย กล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์
“พวกเขาต้องการให้โหวตรับเท่านั้น ฉะนั้น ประชาชนที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญจึงถูกคุกคาม ปิดปาก หรือกระทั่งจับกุมดำเนินคดี”
รายงานระบุด้วยว่า ในสัปดาห์นี้ ประชาชนหลายรายถูกแจ้งข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มักใช้ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง มีการควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาไปยังค่ายทหาร
ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานด้วยว่า เวลานี้ ทหารไทยกำลังแสวงหาแรงสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐธรรมนูญ ควบคู่ไปกับการห้ามวิพากษ์วิจารณ์ร่างดังกล่าว นับเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความตระหนก และบางครั้งเรียกเสียงล้อเลียนประชดประชันจากขั้วการเมืองทุกสีเสื้อ
ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารยังตั้งคำถามด้วยว่า ทำไมเมื่อสุดสัปดาห์ สุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำการประท้วงขับไล่รัฐบาลบนท้องถนนซึ่งปิดฉากด้วยการยึดอำนาจของทหารเมื่อปี 2557 จึงสามารถจัดแถลงข่าวสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญได้ อย่างไรก็ดี ทางการไทยบอกปัดว่า ไม่ได้ปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน.
Source: Financial Times
Photo: AFP
แสดงความคิดเห็น