เมื่อวันที่ 28 เมษายน นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีทหารคุมตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 10 คน ส่งตัวไป มทบ. 11 ว่า การที่ทหารควบคุมตัวบุคคล 10 คน ไม่ว่าเพื่อการใดก็ตามถือเป็นการกักขังบุคคลโดยไม่มีอำนาจ ซึ่งนอกจากจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ยังขัดกับข้อ 9 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่บัญญัติว่าบุคคลใดจะถูกจับกุม กักขัง หรือเนรเทศตามอำเภอใจไม่ได้ ประชาคมโลกกำลังกังวลกับสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ทั้งที่ในอดีตที่ผ่านมาไทยมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประชาชนไม่ควรถูกโยนเข้าคุกเพียงเพราะแสดงความคิดเห็น ที่ผ่านมาเราได้เห็นคนวิจารณ์รัฐธรรมนูญถูกกักขังตามอำเภอใจและปรับทัศนคติ ไม่นับรวมสมาชิกจากอาเซียนรายอื่นๆ ที่มีความเห็นทำนองเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเป็นปัญหาของโลกในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน ไทยต้องทำตามกฎบัตรสหประชาชาติเพราะเป็นสมาชิก
นายวัฒนากล่าวอีกว่า ดังนั้น เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งถือเป็นเรื่องของมนุษยชาติ จึงทำให้นานาชาติสามารถเข้ามาเกี่ยวข้องได้โดยไม่ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน ที่น่าสังเกตคือข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนฯ และรัฐสภาอาเซียนได้พูดถึง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ ว่าเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อสร้างความหวาดกลัวและปิดกั้นการโต้เถียง เท่ากับสหประชาชาติและรัฐสภาอาเซียนเห็นตรงกันว่ากฎหมายประชามติมีบทบัญญัติที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน จึงวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายของเราได้โดยไม่ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน
แสดงความคิดเห็น