เมื่อเวลา 13.00 น วันที่ 28 เมษายน ที่หน้ามณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. ตลอดจนแกนนำ นปช. เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตามอำนาจมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 หลังมีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดีย เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
นายจตุพรกล่าวว่า จะขออนุญาตเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งหมด ตนและคณะรู้จักกับนายนพเก้า คงสุวรรณ และน.ส.วรารัตน์ เหม็งประมูล ที่ทำเฟซบุ๊กให้กับตน ขณะที่นายธนวรรธน์ บูรณศิริ เคยเป็นอดีตพนักงานพีซทีวีแต่ลาออกไปตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วันนี้อยากสื่อสารกับผู้มีอำนาจว่าหากทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่ใช้มาตรการคุมตัว และให้วิธีส่งพนักงานสอบสอบ และหาความผิดภายหลังนั้น ตนอยากให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว ทั้งนี้ การใช้คำสั่ง คสช.ที่ 13/2559 ก็ถูกองค์กรนานาชาติได้ทักท้วงว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ คสช.ยืนยันว่าใช้เพื่อปราบปรามผู้มีอิทธิพล แต่ในความจริงเป็นการบังคับใช้กับบุคคลที่เห็นต่าง ดังนั้นคาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ มทบ.11 คงจะให้ตน และคณะเข้าไปเยี่ยม
นายจตุพรกล่าวต่อว่า เห็นว่าบรรยากาศการทำประชามติไม่ควรสร้างบรรยากาศความหวาดกลัวกับประชาชน และคิดว่าบรรยากาศจับน้องๆ ทั้ง 10 คน ให้เป็นกรณีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม คิดว่าผู้มีอำนาจควรใจกว้าง และเปิดโอกาสให้องค์กรนานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์การทำประชามติ แต่การออกอาการวิตกกังวลมากจนเกินเหตุยิ่งเข้าข่ายน่าสงสัย และอยากให้จำคำตนไว้ว่ายิ่งใช้วิธีการนอกรูปแบบ ผลลัพธ์ในวันลงประชามติ 7 สิงหาคม จะตรงกันข้ามและจะหนักยิ่งกว่าประเทศเมียนมาด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า มาแสดงความห่วงใยสถานการณ์ของประเทศ เพราะความหมายประชามติที่ทั่วโลกเข้าใจคือการที่ผู้มีอำนาจต้องรับฟังเสียงประชาชน แต่วันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประชาชนต้องฟังเฉพาะเสียงผู้มีอำนาจ โดยไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นตนเอง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และสายตาของนานาชาติ ไม่เข้าใจว่าทีมการเมืองของรัฐบาลคิดอย่างไรถึงเลือกใช้วิธีนี้กับคนที่เห็นต่าง ถ้าคิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเล็กคนน้อยจะทำอะไรก็ได้ ก็คงไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่มีบุคคลใดไปเดินเกมใต้ดินเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาล ไม่มีขบวนการการเมืองไหนที่จะมาท้ารบกับผู้มีอำนาจทั้งสิ้น เพราะเชื่อว่าสนามการต่อสู้เกิดขึ้นจริงแล้ว คือ สนามการลงประชามติ ซึ่งจะเป็นการหาคำตอบให้ประเทศอย่างสันติว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไร เพราะฉะนั้นขอให้สบายใจ และลดความหวาดระแวงลง ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ไว้เนื้อเชื่อใจ เคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของประชาชนบ้าง และหันหน้าไปในแนวทางเดียวกันคือหลักการประชาธิปไตยที่เป็นภาษาสากล แต่ตอนนี้ภาษาประชาธิปไตยในไทยกำลังสับสน นอกจากนั้น คสช.ควรจัดแถวองค์กรที่เกี่ยวข้องกับประชามติทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ แม้กระทั้ง 5 คนใน กกต.ยังเดินคนละทิศทาง เหมือนไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น แกนนำ นปช. ได้เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.11 เพื่อขอเข้าเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 9 คน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต โดยระบุว่า เตรียมจะนำทั้ง 9 คน ไปแจ้งข้อหาที่กองบังคับการปราบปราม พร้อมทั้งนำตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขังในเดียวกันนี้

source : - http://www.matichon.co.th/news/120199

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.