นายกฯยินดีคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น ย้ำต้องอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ป้องกันการถูกชักจูง
สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบสถิติการอ่านของคนไทย พ.ศ.2558 จากการสำรวจของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (ทีเค พาร์ค) และรู้สึกยินดีที่คนไทยให้ความสำคัญกับการอ่านมากขึ้น โดยมีเวลาการอ่านเฉลี่ย 66 นาทีต่อวัน เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งล่าสุด เมื่อปี 2556 ที่อ่านเพียง 37 นาทีต่อวัน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าการอ่านของคนไทยปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี มีเวลาการอ่านนานขึ้น เป็น 34 นาทีต่อวัน จากเมื่อก่อน 27 นาที ขณะที่ วัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่ชอบอ่านมากที่สุดถึง 94 นาทีต่อวัน รองลงมาคือ วัยเด็กและวัยทำงานที่ชอบอ่าน 60 นาทีต่อวัน
“นายกฯ ฝากขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยตื่นตัวรักการอ่านมากขึ้น แต่ได้ขอให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยส่งเสริมให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในครรภ์ 6-7 เดือนถึงปฐมวัย ซึ่งจะทำให้เมื่อโตขึ้นเด็กจะมีนิสัยรักการอ่าน” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีปรารภว่า การอ่านทำให้คนรอบรู้และฉลาดขึ้น หลายคนรู้จักใช้ประโยชน์จากการอ่าน ในการสร้างอาชีพจนมีฐานะร่ำรวย แม้จะไม่ได้รับการศึกษาที่สูงนัก แต่ต้องอ่านอย่างมีวิจารณญาน รู้จักสืบค้นข้อมูลจากรอบด้าน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดหรือถูกชักจูง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า สิ่งที่เบี่ยงเบนความสนใจ หรือยังเป็นจุดอ่อนต่อการอ่านของคนไทย คือ การนิยมดูโทรทัศน์ และบางส่วนยังอ่านหนังสือไม่ออก นายกรัฐมนตรีจึงได้เน้นย้ำให้กระทรวงศีกษาธิการเร่งส่งเสริมให้ผู้ที่ขาดโอกาสได้รู้หนังสือ อ่านออกเขียนได้ และควรเพิ่มพื้นที่สาระดีทางโทรทัศน์ให้แก่ประชาชนทุกเพศทุกวัยให้มากขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.