อ่านสัมภาษณ์ไชยันต์ ไชยพร แบบไม่โกรธ 555 แกบอกแล้วไงว่าไม่ใช่นักอุดมการณ์ ก็อย่าคิดว่าแกเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ แค่สะท้อนความคิดสับสนของคนชั้นกลางระดับบนว่า คนเหล่านี้จะรับร่าง รธน.ถอยหลัง เพราะความกลัว กลัวประชาธิปไตย (ไชยันต์บอกว่า รธน.40 ทำให้ซิ่งนรกแตก) กลัวเลือกตั้ง กลัววุ่นวาย พูดง่ายๆ คือกลัวรัฐล้มเหลว ธีรยุทธก็พูดเหมือนกันว่า ประยุทธ์ได้คะแนนนิยมเพราะคนกลัวม็อบ ถ้ายังเบื่อและกลัวการเลือกตั้งก็อาจรับร่าง รธน
ใช่เลย คสช.อยู่ได้เพราะความกลัว ไม่ใช่ผลงานอะไรหรอก ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี ต่อให้เดินหน้าประเทศไทยไม่มีคนดู ก็อยู่ได้ แบบเอาที่สบายใจ เพราะคนข้างหนึ่งกลัวความวุ่นวาย คนอีกข้างก็ถูกบังคับให้กลัวปืน กลัว ม.44 เช่นกัน ประชามติครั้งนี้ก็จะเป็นประชามติแห่งความกลัว คนข้างหนึ่งกลัวเลือกตั้ง กลัวผีทักษิณ คนอีกข้างกลัวรณรงค์ไม่รับแล้วติดคุก
รธน.59 จึงต่างกับ รธน.50 ที่หลอกว่าจะกลับสู่ประชาธิปไตย รธน.59 กลับบอกโต้งๆว่าไม่เป็นประชาธิปไตย รับไม่รับ คสช.ก็อยู่อีกปี แล้วมีเลือกตั้งไปสู่ครึ่งใบ เมริงจะเอาหรือไม่เอา หรือจะให้ปรับทัศนคติ เล่นกันดื้อๆ แบบนี้
ถามจริง คนพวกนี้เชื่อได้ไงว่า รับร่าง รธน.เป็นประชาธิปไตย(ที่จริงไม่ถึง) ครึ่งใบ แล้วจะพ้นจาก "รัฐล้มเหลว" ความจริงคือทุกวันนี้มันเป็นแล้ว ประเทศนี้แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว "สิ่งเก่ากำลังจะตาย สิ่งใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้" ที่ยังอยู่เพราะใช้ ม.44 เอาเสารั้วมาเป็นเสาหลัก บังคับความขัดแย้งไว้ทั้งที่ตัวเองคือคู่ขัดแย้ง หมด ม.44 เมื่อไหร่ (หรือไม่ทันหมด) ขดลวดจะเด้งใส่หน้า
ประชาธิปไตยยุคเปรม มันเกิดในสมดุลของสังคม เป็นเผด็จการมา 16 ปี เป็น ปชต.3 ปี เกิดรัฐประหารนองเลือด รัฐบาลหอยจะอยู่ 12 ปี ถูกรัฐประหารซ้อน จากเกรียงศักดิ์ถึงเปรม "ครึ่งใบ" คือจุดที่สังคมข้างมากประนีประนอมกันได้ในตอนนั้น อย่างน้อยมันก็ก้าวหน้ากว่ารัฐบาลหอย อย่างน้อยมันก็เป็นการหยั่งเท้าตั้งหลัก
แต่ยุคนี้ไม่ใช่แล้วครับ จากปี 35 ถึง 57 ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยมา 24 ปี มีรัฐประหารสั้นๆ ปี 49 ปีเดียว กลับมาถอยหลังรัฐประหารแบบสฤษดิ์ 2 ปี แล้วจะค่อยไปสู่ครึ่งใบ 5 ปี นี่มันไม่ใช่การเดินไปข้างหน้า แต่มันคือการสะดุดขากลิ้งหลุนๆ ลงมาห้อยหน้าผา

0000000

ใบตองแห้ง

ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้ประชาชนเลือก ส.ว. ให้อำนาจศาลองค์กรอิสระล้มรัฐบาลโดยง่าย ซ้ำบทเฉพาะกาลยังถอยไป "นายกฯ คนนอก" จะผ่านประชามติได้อย่างไร ผมฉงนฉงายตลอดมา
จนอ่านสัมภาษณ์ อ.ไชยันต์ ไชยพร ค่อยเข้าใจ แม้ใครๆ ต่อว่า เป็นอาจารย์รัฐศาสตร์พูดงี้ได้ไง โถ ก็ท่านบอกเองว่าไม่ได้พูดแบบนักอุดมการณ์ อย่าไปคิดว่าท่านเป็นอาจารย์ ท่านเพียงสะท้อนทัศนะสับสนของคนชั้นกลางระดับบน ว่าถ้าจะรับร่างก็เพราะความกลัว "ประชาธิปไตยนรกแตก" กลัวความวุ่นวาย การเมืองไร้เสถียรภาพ ไม่อยากเห็นคนตายอีก อยากทำมาหากิน
ธีรยุทธ บุญมี ก็พูดคล้ายกันว่าคะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีเพราะคนกลัวชุมนุมเดินขบวน ถ้าคนยังเบื่อและกลัวการเลือกตั้งก็อาจยอมรับร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลมีโครง สร้างของทหาร
เพิ่งเห็นตรงกันก็ครั้งนี้ ใช่เลย คะแนนนิยม คสช.อยู่บน "ความกลัว" ไม่ว่าบริหารอย่างไร เศรษฐกิจไม่ค่อยดี รายการเดินหน้าประเทศไทยไม่มีคนดู คสช.ก็อยู่ได้ แถมสามารถเอาที่สบายใจ เพราะคนจำนวนไม่น้อยกลัวความวุ่นวาย ถ้าไล่ คสช.แบบ 14 ตุลาก็ไม่รู้จะหันหน้าพึ่งใคร ประเทศคงเป็นอนาธิปไตย อย่างที่ผมเคยเขียนไว้ เราอยู่ในภาวะวิกฤต "สิ่งเก่ากำลังจะตาย แต่สิ่งใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้" คนไทยเลยหันไปกอดรั้วแทนเสา
พูดง่ายๆ คนเหล่านี้กลัวภาวะ "รัฐล้มเหลว" ถ้าไร้ซึ่ง คสช. ม.44 ถ้าไม่มีอำนาจขนาดจับขันแดงได้ ก็ไม่รู้จะยังอยู่เป็นประเทศได้อย่างไร เพราะไม่มีใครยอมใคร ต้องอาศัยอำนาจที่ไม่มาจากเลือกตั้ง ที่ไม่ฟังใคร โห ขนาดมี ม.44 แมงกะไซค์ยังปิดสะพานไม่กลัวตำรวจ นี่ถ้าไม่ใช้อำนาจบังคับ ถ้าไม่ใช้ความกลัวกดไว้ ก็ไม่สามารถปกครองคนไทยอยู่ในโอวาท
ฉะนั้น มองได้ไม่ยาก ประชามติรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็น "ประชามติแห่งความหวาดกลัว" คนส่วนหนึ่งก็กลัวรณรงค์ไม่รับแล้วติดคุก 10 ปี คนส่วนหนึ่งกลัวมีเลือกตั้งแล้ววุ่นวาย กลัวผีทักษิณ ปชป.เป็นรัฐบาลก็กลัวม็อบเสื้อแดง อย่ากระนั้นเลย เอานายกฯ คนนอก เอาวุฒิสภา 6 ผบ.เหล่าทัพดีกว่า ไม่ได้เชื่อว่า "ปราบโกง" อะไรหรอก
ประชามติ ครั้งนี้จึงต่างกับรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ใช้กลหลอกล่อ "รับรัฐธรรมนูญเลือกตั้งเร็ว" "รับไปก่อนแก้ทีหลัง แก้ง่ายนิดเดียว" สร้างความหวังกลับสู่ประชาธิปไตย
แต่ประชามติครั้งนี้ บอกกันแต่แรกว่าไม่ต้องหวัง ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ประชาธิปไตย ถึงอย่างไรก็ต้องอยู่อีก 5 ปี รับไม่รับไม่แตกต่าง คสช.ยังแข็งปั๋ง ถ้ารับร่างก็รออีกปีมีเลือกตั้ง ถ้าไม่รับท่านร่างเอง เผลอๆ "โหดกว่า" แต่อีกปีมีเลือกตั้งเหมือนกัน ฉะนั้นยอมเสียเถอะ อย่าแข็งขืนให้ปรับทัศนคติอยู่เลย
อ้าว แล้วทำไมต้องทำประชามติ พูดให้สวยหรูนี่คือการสู่ขอ หลังยึดอำนาจเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ข้าวสารเป็นข้าวสุก ก็ต้องสู่ขอตามประเพณีไทย ถ้ายอมแต่งให้คือไม่เอาเรื่องไม่เอาความ รับเข้าบ้านมีส่วนแบ่งทรัพย์สินโดยชอบธรรม
คำถามคือ รับร่างแล้วมั่นใจได้อย่างไรว่า นายกฯ คนนอก ประชาธิปไตยครึ่งใบ (ที่จริงไม่ถึงด้วยซ้ำ) จะนำประเทศพ้น "รัฐล้มเหลว" สองปีที่ผ่านมา คสช.แก้ไขขัดแย้ง สร้างความปรองดองได้หรือไม่ หรือเพียงแต่ใช้ ม.44 บังคับไว้ และกลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ถ้าเป็นอย่างหลัง ทุกวันนี้ประเทศก็อยู่ในสภาพ "ดื่ม ม.44 ดับกระหาย" หมด ม.44 เมื่อไหร่ ขดลวดที่กดไว้อาจดีดผึงขึ้นมา (หรือถ้าดีดก่อนยิ่งน่ากลัว)
อย่าว่าโง้นงี้เลย ขนาดเหลืองแดงขัดแย้งกัน พวกเหลืองที่ไม่พอใจ ม.44 บายพาส EIA พอเห็น คสช.เรียกอดีต ส.ส.เพื่อไทยปรับทัศนคติก็โห่ร้องดีใจ ก่อนกลับไปบ่น คสช.ใหม่ ไม่รู้ชาติไหนจะอยู่ร่วมกันได้
คนจำนวนหนึ่งยังคิดว่าจะหมุนโลกย้อนดวงอาทิตย์ 30 ปี กลับสู่ยุคประชาธิปไตยวุ่นวายนัก 2516-2519 ต้องกวาดล้างแล้วปกครองด้วยระบอบเบ็ดเสร็จซักช่วงค่อยผ่อนคลาย เป็นระบอบป๋า 8 ปี แล้วประเทศจะเดินหน้าใหม่
คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ โลกเปลี่ยนไป แม้ประวัติศาสตร์ก็ไม่เหมือนกัน ยุคนั้นเราเพิ่งผ่านเผด็จการ 16 ปี เป็นประชาธิปไตยสั้นๆ เผด็จการสั้นๆ แล้วจึงครึ่งใบ เปรียบเหมือนไต่ขึ้นเขา ต้องหาจุดสมดุลเพื่อเหยียบสูงขึ้นไป
แต่ไม่ใช่เดินมาไกลแล้วสะดุดขา กลิ้งหลุนๆ ลงไปห้อยต่องแต่งริมหน้าผา ตีนตะกายหาที่เหยียบ แล้วปลอบใจกันว่านี่แหละจุดสมดุล เราจะตั้งต้นใหม่.....

Source :- FB Atukkit Sawangsuk & http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1460112201


แสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.