Atukkit Sawangsuk
ที่ประยุทธ์พูดว่า "ไม่สงบก็อยู่ต่อ ไม่สงบก็ไม่ลง" ความจริงคือ "ไม่สงบก็ลงจากหลังเสือไม่ได้"
ความเป็นจริงคือ คสช.ติดกับ ไม่มีทางลงหรอกครับ แล้วยิ่งอยู่ก็ยิ่งแย่ ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง ความขัดแย้ง ทั้งกับประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร และพวกเป่านกหวีดเรียกรัฐประหารมาเอง
ไม่ว่ารัฐธรรมนูญผ่านไม่ผ่าน ก็ไม่มีทางลง คุณคิดว่าจะลงได้ไง ต่อให้มีนายกฯ คนนอก ต่อให้มี ส.ว.ลากตั้ง ถ้าไม่มี ม.44 ก็ไม่มีทางปกครองประชาชนได้
ไม่ว่ารัฐธรรมนูญผ่านไม่ผ่าน ก็ไม่มีทางลง คุณคิดว่าจะลงได้ไง ต่อให้มีนายกฯ คนนอก ต่อให้มี ส.ว.ลากตั้ง ถ้าไม่มี ม.44 ก็ไม่มีทางปกครองประชาชนได้
นี่คือปัญหาใหญ่ที่พวกทหารก็น่าจะรู้ดี ยิ่งอยู่ยิ่งยาก ยิ่งอยู่ยิ่งจม แม้เราไม่รู้หรอกว่าจะลงเอยอย่างไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือ วันหนึ่งเมื่อเสื่อมถึงที่สุด จบไม่สวย พวกเขาจะถูกเอาคืน
อ้าว เอาง่ายๆ นะ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยตั้งเป้าว่าจะเอาเผด็จการขึ้นศาลสิทธิมนุษยชน ในระยะ 5-10 ปีอาจยังเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้า คสช.เสื่อมจนใครๆ ก็เบื่อหน่าย (หมอประเวศยังโวยวาย) หลังหมดอำนาจ ถ้ามีข้อเสนอให้ลดนายพลในกองทัพ จาก 1,700 คนให้เหลือซัก 300 คน เผลอๆ สลิ่มยังเอาด้วยเลย นั่นแหละสิ่งที่พวกเขาต้องคิดหนัก ทำอย่างไรไม่ให้ถูกเอาคืน
แน่ละ ตอนนี้ คสช.กำลังสร้างภาพ "ผ่อนคลาย" ให้นักการเมืองไปต่างประเทศได้ เลิกใช้คำว่าปรับทัศนคติ เลิกใช้ค่ายทหาร แต่เท่านั้นไม่พอหรอก และไม่มีประโยชน์อะไร ตราบใดที่ยังทำกับประชาชนอย่างไม่ยุติธรรม ตั้งข้อหาร้ายแรงขึ้นศาลทหาร ฝากความเจ็บแค้นไว้ พวกเขามองอย่างทหาร ไม่เข้าใจว่าการเมืองมวลชนนี่แหละ กำลังจะสำคัญกว่านักการเมือง อย่าคิดว่าสร้างความเจ็บแค้นกับประชาชนแล้ววันหน้ายังสามารถเจรจานักการเมืองได้แล้วจะจบ
"ไม่สงบก็ลงไม่ได้" ชอบนะครับ ชอบให้อยู่อย่างนี้ต่อไป เพราะถ้ายิ่งอยู่ยิ่งเสื่อม ยิ่งเอาคืนง่าย
แต่ก็เห็นใจท่านผู้นำ ท่านคงอัดอั้น กระทั่งพูดเรื่องการเมืองไทยบนเวที G77 เดือดสื่อ “เป็นพ่อผมมั้ง” ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน
ก็ไม่รู้ล่ามแปลอย่างไร Media is my father แต่ที่ฮือฮาทั้งไทยฝรั่งคือท่านบอกว่า “ถ้าไม่บ้าคงไม่มายืนตรงนี้”
อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้ฉวยโอกาสตีปี๊บ ท่านรับว่าตัวเองบ้า แต่ฟังแล้วเห็นภาพพระเอกหนัง “ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด” คนจะเป็นฮีโร่ก็อย่างนี้ ต้องมีลูกห้าวระห่ำ ถึงใจชาวบ้าน จึงได้ความนิยมล้นหลาม บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่อยู่ในภาวะวิปริต ก็ต้องมีผู้นำเป็นคนพิเศษ
แต่ที่น่าเห็นใจกว่าคือท่านบอกว่า ถ้าประเทศไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ไปไหน ตราบใดที่ยังไม่สงบก็จะอยู่ รู้ด้วยนะนักข่าวรอฟัง ตั้งใจพูดให้พาดหัวช่วยเพิ่มยอดขายหนังสือ พิมพ์ แต่พอดีผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเอกฉันท์ ส่ง พ.ร.บ. ประชามติไปให้ศาลรัฐธรรมนูญมีงานทำ ท่านก็เลยสำทับซ้ำ ถ้าศาลชี้ว่าขัดก็เลื่อนประชามติ
แปลกแต่จริง ไม่ยักมีใครตื่นเต้น ที่ท่านบอกว่าไม่สงบก็อยู่ต่อ อยากอยู่ก็อยู่ไป อยู่ยาวแค่ไหนไม่ว่ากัน เพราะดูเหมือนไม่ต่างเท่าไหร่ อยู่อย่างนี้ก็ไม่แน่ว่าอะไรจะดีขึ้น มีรัฐธรรมนูญใหม่ มีเลือกตั้ง ก็ไม่แน่ว่าอะไรจะดีขึ้น
จริงนะครับ ถ้าพูดสำหรับฝ่าย “ไม่รับ” เพราะประชามติผ่านท่านก็อยู่ต่ออีกปี มีเลือกตั้งแล้วก็ยังมี ส.ว.แต่งตั้ง มีกลไกต่างๆ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รู้มีเลือกตั้งทำไม สู้ไม่รับแล้วให้ท่านตัดสินใจเองดีกว่า
หรือถ้าหันไปดูกองเชียร์ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ตอนนี้ก็ดูหมดหวังซังกะตาย สปช. สปท.มีแต่ข้อเสนอมากมาย ปฏิรูปตำรวจก็โวยวายว่าซื้อขายตำแหน่ง จน ผบ.ตร.ตั้งคนตาย จึงพิสูจน์ได้ว่าผีไม่ซื้อขาย
สถานการณ์วันนี้หลังครบ 2 ปี พูดให้ถูกไม่ใช่ “ไม่สงบก็ไม่ลง” แต่เป็น “ไม่สงบก็ลงไม่ได้” เสียมากกว่า อ้าว จะลงจากหลังเสือยังไงละครับ ถ้ายังมีเชื้อไม่พอใจ นักการเมืองกลับมามีอำนาจเมื่อไหร่ เดือดร้อนแน่ ไม่เห็นหรือ “อีปู” ไปอีสาน BBC รายงานว่ายังกะ Rock Star
อย่าว่าแต่นักการเมืองเลย กระทั่งหมอประเวศ วะสี ยังแว้งกลับ หาว่าทหารยึดอำนาจทำประเทศชาติยุ่งยาก เที่ยวไปเล่นงานเครือข่ายตระกูล ส. ซึ่งมีแนวร่วมมากมาย
คสช.ตั้งความหวังไว้ว่าจะยึดอำนาจเพื่อปกป้องชาติและสถาบันสำคัญ เร่งใช้เวลาสั้นๆ ขจัดความแตกแยก จัดระเบียบ “คืนความสุข” เพื่อรักษาโครงสร้างอำนาจเดิม โดยหวังว่าจะทำได้แล้วกลับเข้ากรมกอง
คำถามคือถ้าทำไม่ได้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่สามารถสยบความตื่นตัวประชาธิปไตย ถ้าไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้คนส่วนใหญ่ เพียงแต่ใช้อำนาจกดทับไว้ให้แสดงออกไม่ได้ (รอจน “อีปู” ไปทัวร์จึงแห่มาให้กำลังใจล้นหลาม)
หรือถ้าการใช้อำนาจยิ่งทำให้คนรักประชาธิปไตยไม่พอใจ หรือแม้แต่คนที่เคยสนับสนุนก็ไม่พอใจ อย่าง NGO นกหวีดทั้งหลาย แล้วพากัน “จดบิล” ไว้
หนักไปกว่านั้น แม้แต่คนที่เชียร์ทุกวันนี้ ก็อาจเชียร์เพียงเพราะไม่มีที่พึ่ง หวังพึ่ง ม.44 ไปวันๆ สถานการณ์เปลี่ยนเมื่อไหร่ แน่ใจนะว่าพวกนี้ยังปกป้อง
ใครก็ประเมินผลงาน คสช.ได้ไม่เท่าตัวเองหรอกครับ 2 ปีผ่านไป เห็นทางออกหรือยัง จะลงจากหลังเสือได้เมื่อไหร่ อย่าคิดนะว่ารัฐธรรมนูญพึ่งได้ ต่อให้เป็นนายกฯ คนนอก ต่อให้มีส.ว.แต่งตั้ง แต่ไม่มี ม.44 เอาอยู่ไหม
ใช่เลย ตอนนี้ดูเหมือนท่านรู้ตัว เปิดรับฟังนักการเมือง อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ เลิกใช้คำว่า “ปรับทัศนคติ” เลิกใช้ค่ายทหาร แต่ถามว่าเพียงพอหรือกับความต้องการสิทธิเสรีภาพ ซึ่งที่สำคัญคือของประชาชน ไม่ใช่แค่นักการเมือง
ประชาชนไม่ได้ต้องการไปนอก ประชาชนต้องการแสดงออก ต่อประชามติ ต่อคำสั่ง ต่อการตัดสินใจต่างๆ และต้องการความยุติธรรม ไม่ใช่ล้อเลียนเป็นอาชญากรรม ยืนเฉยๆ ก็มีความผิด มอบช่อดอกไม้ก็มีความผิด
ถ้าคิดจะปลดล็อก ถ้าคิดจะผ่อนคลาย ก็ต้องหันหน้ามาหาประชาชน ลงได้ลงไม่ได้ก็อยู่ที่ประชาชน ลงไปแล้วจะอยู่สงบสุขไหม ก็อยู่ที่ประชาชนนี่แหละจะว่าอย่างไร
source :- FB Atukkit Sawangsuk & http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1464940976อ้าว เอาง่ายๆ นะ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยตั้งเป้าว่าจะเอาเผด็จการขึ้นศาลสิทธิมนุษยชน ในระยะ 5-10 ปีอาจยังเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้า คสช.เสื่อมจนใครๆ ก็เบื่อหน่าย (หมอประเวศยังโวยวาย) หลังหมดอำนาจ ถ้ามีข้อเสนอให้ลดนายพลในกองทัพ จาก 1,700 คนให้เหลือซัก 300 คน เผลอๆ สลิ่มยังเอาด้วยเลย นั่นแหละสิ่งที่พวกเขาต้องคิดหนัก ทำอย่างไรไม่ให้ถูกเอาคืน
แน่ละ ตอนนี้ คสช.กำลังสร้างภาพ "ผ่อนคลาย" ให้นักการเมืองไปต่างประเทศได้ เลิกใช้คำว่าปรับทัศนคติ เลิกใช้ค่ายทหาร แต่เท่านั้นไม่พอหรอก และไม่มีประโยชน์อะไร ตราบใดที่ยังทำกับประชาชนอย่างไม่ยุติธรรม ตั้งข้อหาร้ายแรงขึ้นศาลทหาร ฝากความเจ็บแค้นไว้ พวกเขามองอย่างทหาร ไม่เข้าใจว่าการเมืองมวลชนนี่แหละ กำลังจะสำคัญกว่านักการเมือง อย่าคิดว่าสร้างความเจ็บแค้นกับประชาชนแล้ววันหน้ายังสามารถเจรจานักการเมืองได้แล้วจะจบ
"ไม่สงบก็ลงไม่ได้" ชอบนะครับ ชอบให้อยู่อย่างนี้ต่อไป เพราะถ้ายิ่งอยู่ยิ่งเสื่อม ยิ่งเอาคืนง่าย
000000
ใบตองแห้งจบจากไหน เที่ยววิจารณ์เขาเรื่อยไป รู้อะไรจริงหรือเปล่า ถ้ามีผู้หลักผู้ใหญ่กล่าวอย่างนี้ ผมคงดีใจอิ่มทิพย์ไปหลายวัน คิดแล้วก็อิจฉาพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงานไม่ค่อยมีคนรู้จัก วิจารณ์เศรษฐกิจรัฐบาลนี้กลับโด่งดังแต่ก็เห็นใจท่านผู้นำ ท่านคงอัดอั้น กระทั่งพูดเรื่องการเมืองไทยบนเวที G77 เดือดสื่อ “เป็นพ่อผมมั้ง” ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน
ก็ไม่รู้ล่ามแปลอย่างไร Media is my father แต่ที่ฮือฮาทั้งไทยฝรั่งคือท่านบอกว่า “ถ้าไม่บ้าคงไม่มายืนตรงนี้”
อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้ฉวยโอกาสตีปี๊บ ท่านรับว่าตัวเองบ้า แต่ฟังแล้วเห็นภาพพระเอกหนัง “ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด” คนจะเป็นฮีโร่ก็อย่างนี้ ต้องมีลูกห้าวระห่ำ ถึงใจชาวบ้าน จึงได้ความนิยมล้นหลาม บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่อยู่ในภาวะวิปริต ก็ต้องมีผู้นำเป็นคนพิเศษ
แต่ที่น่าเห็นใจกว่าคือท่านบอกว่า ถ้าประเทศไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่ไปไหน ตราบใดที่ยังไม่สงบก็จะอยู่ รู้ด้วยนะนักข่าวรอฟัง ตั้งใจพูดให้พาดหัวช่วยเพิ่มยอดขายหนังสือ พิมพ์ แต่พอดีผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเอกฉันท์ ส่ง พ.ร.บ. ประชามติไปให้ศาลรัฐธรรมนูญมีงานทำ ท่านก็เลยสำทับซ้ำ ถ้าศาลชี้ว่าขัดก็เลื่อนประชามติ
แปลกแต่จริง ไม่ยักมีใครตื่นเต้น ที่ท่านบอกว่าไม่สงบก็อยู่ต่อ อยากอยู่ก็อยู่ไป อยู่ยาวแค่ไหนไม่ว่ากัน เพราะดูเหมือนไม่ต่างเท่าไหร่ อยู่อย่างนี้ก็ไม่แน่ว่าอะไรจะดีขึ้น มีรัฐธรรมนูญใหม่ มีเลือกตั้ง ก็ไม่แน่ว่าอะไรจะดีขึ้น
จริงนะครับ ถ้าพูดสำหรับฝ่าย “ไม่รับ” เพราะประชามติผ่านท่านก็อยู่ต่ออีกปี มีเลือกตั้งแล้วก็ยังมี ส.ว.แต่งตั้ง มีกลไกต่างๆ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่รู้มีเลือกตั้งทำไม สู้ไม่รับแล้วให้ท่านตัดสินใจเองดีกว่า
หรือถ้าหันไปดูกองเชียร์ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ตอนนี้ก็ดูหมดหวังซังกะตาย สปช. สปท.มีแต่ข้อเสนอมากมาย ปฏิรูปตำรวจก็โวยวายว่าซื้อขายตำแหน่ง จน ผบ.ตร.ตั้งคนตาย จึงพิสูจน์ได้ว่าผีไม่ซื้อขาย
สถานการณ์วันนี้หลังครบ 2 ปี พูดให้ถูกไม่ใช่ “ไม่สงบก็ไม่ลง” แต่เป็น “ไม่สงบก็ลงไม่ได้” เสียมากกว่า อ้าว จะลงจากหลังเสือยังไงละครับ ถ้ายังมีเชื้อไม่พอใจ นักการเมืองกลับมามีอำนาจเมื่อไหร่ เดือดร้อนแน่ ไม่เห็นหรือ “อีปู” ไปอีสาน BBC รายงานว่ายังกะ Rock Star
อย่าว่าแต่นักการเมืองเลย กระทั่งหมอประเวศ วะสี ยังแว้งกลับ หาว่าทหารยึดอำนาจทำประเทศชาติยุ่งยาก เที่ยวไปเล่นงานเครือข่ายตระกูล ส. ซึ่งมีแนวร่วมมากมาย
คสช.ตั้งความหวังไว้ว่าจะยึดอำนาจเพื่อปกป้องชาติและสถาบันสำคัญ เร่งใช้เวลาสั้นๆ ขจัดความแตกแยก จัดระเบียบ “คืนความสุข” เพื่อรักษาโครงสร้างอำนาจเดิม โดยหวังว่าจะทำได้แล้วกลับเข้ากรมกอง
คำถามคือถ้าทำไม่ได้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าไม่สามารถสยบความตื่นตัวประชาธิปไตย ถ้าไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้คนส่วนใหญ่ เพียงแต่ใช้อำนาจกดทับไว้ให้แสดงออกไม่ได้ (รอจน “อีปู” ไปทัวร์จึงแห่มาให้กำลังใจล้นหลาม)
หรือถ้าการใช้อำนาจยิ่งทำให้คนรักประชาธิปไตยไม่พอใจ หรือแม้แต่คนที่เคยสนับสนุนก็ไม่พอใจ อย่าง NGO นกหวีดทั้งหลาย แล้วพากัน “จดบิล” ไว้
หนักไปกว่านั้น แม้แต่คนที่เชียร์ทุกวันนี้ ก็อาจเชียร์เพียงเพราะไม่มีที่พึ่ง หวังพึ่ง ม.44 ไปวันๆ สถานการณ์เปลี่ยนเมื่อไหร่ แน่ใจนะว่าพวกนี้ยังปกป้อง
ใครก็ประเมินผลงาน คสช.ได้ไม่เท่าตัวเองหรอกครับ 2 ปีผ่านไป เห็นทางออกหรือยัง จะลงจากหลังเสือได้เมื่อไหร่ อย่าคิดนะว่ารัฐธรรมนูญพึ่งได้ ต่อให้เป็นนายกฯ คนนอก ต่อให้มีส.ว.แต่งตั้ง แต่ไม่มี ม.44 เอาอยู่ไหม
ใช่เลย ตอนนี้ดูเหมือนท่านรู้ตัว เปิดรับฟังนักการเมือง อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ เลิกใช้คำว่า “ปรับทัศนคติ” เลิกใช้ค่ายทหาร แต่ถามว่าเพียงพอหรือกับความต้องการสิทธิเสรีภาพ ซึ่งที่สำคัญคือของประชาชน ไม่ใช่แค่นักการเมือง
ประชาชนไม่ได้ต้องการไปนอก ประชาชนต้องการแสดงออก ต่อประชามติ ต่อคำสั่ง ต่อการตัดสินใจต่างๆ และต้องการความยุติธรรม ไม่ใช่ล้อเลียนเป็นอาชญากรรม ยืนเฉยๆ ก็มีความผิด มอบช่อดอกไม้ก็มีความผิด
ถ้าคิดจะปลดล็อก ถ้าคิดจะผ่อนคลาย ก็ต้องหันหน้ามาหาประชาชน ลงได้ลงไม่ได้ก็อยู่ที่ประชาชน ลงไปแล้วจะอยู่สงบสุขไหม ก็อยู่ที่ประชาชนนี่แหละจะว่าอย่างไร
แสดงความคิดเห็น